วันนี้ (8 กรกฎาคม) เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรีของ สว. ว่าต้องรอให้พรรคที่จัดตั้งรัฐบาลรวมตัวกันให้เสร็จ โดยประการสำคัญที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพคือต้องมีคะแนนเสียงเกิน 250 คนขึ้นไป แต่ตอนนี้ได้ 200 กว่าแล้ว คงต้องดูกันไปว่าจะมีพรรคการเมืองใดเข้าร่วมอีกบ้าง
โดยแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องไปตกลงกันว่าจะเสนอชื่อผู้ใดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยยืนยันจะเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย โดยมีพรรค 2 ลุงหรือไม่นั้น อยู่ที่การตกลงกันเองของแต่ละพรรค ในส่วนของวุฒิสภาเองก็ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง การพูดตอนนี้จะกลายเป็นว่า สว. ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
โดยยอมรับว่าชื่อของเศรษฐามีคุณสมบัติพอที่จะพิจารณา แต่ก็ต้องตรวจสอบว่ามีมาตรฐานที่เคยตัดสินใจไว้แล้ว คือไม่แตะมาตรา 112 และไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2 และบุคคลที่ถูกเสนอชื่อมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และต้องดูนโยบายพรรคเพื่อนำมาประกอบดุลยพินิจในการตัดสินใจ เพราะถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้คือแนวทางที่ สว. วางไว้ตั้งแต่การเลือกนายกฯ ครั้งที่ผ่านมา
ส่วนที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นให้ สว. ตรวจสอบเศรษฐา กรณีเลี่ยงภาษีที่ดิน 500 กว่าล้านบาทนั้น เสรีกล่าวว่า คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมในวันนี้ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดว่าเกี่ยวข้องกับภาระหน้าที่ของกรรมาธิการหรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องก็จะส่งต่อให้กรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไป เพราะถือว่ามีส่วนสำคัญในการเข้ามาบริหารประเทศ จะต้องตรวจสอบได้ มีเหตุมีผลโดยไม่อคติ
ส่วนที่เมื่อวานนี้ (7 สิงหาคม) กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. ออกมาระบุว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทยนั้น เสรีกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของกิตติศักดิ์เพียงคนเดียว ไม่ใช่การตั้งธงของ สว. ทั้งหมด ตอนนี้ยังไม่สามารถฟันธงเรื่องอะไรได้ เพราะยังไม่รู้ว่าชื่อที่ถูกเสนอในที่ประชุมรัฐสภาจะเป็นใคร แต่ส่วนตัวย้ำว่าหากมีการเสนอชื่อเศรษฐา ควรให้เจ้าตัวเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์เพื่อตอบข้อซักถามของสมาชิกด้วยตนเอง
หากการร่วมรัฐบาลมีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ สว. สนับสนุนมากขึ้นหรือไม่นั้น เสรียอมรับว่ามีผลทุกพรรค สว. ต้องพิจารณาหมดทุกพรรค แต่ก็เป็นปัจจัยในแต่ละพรรคว่าพรรคที่มาร่วมต้องไม่สร้างปัญหา เพราะต้องยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้มีการแสดงออกทางการเมืองที่ก้าวร้าวรุนแรง ต้องยอมรับความจริงว่าบางพรรคไปอยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นนักการเมืองจะต้องมีความรับผิดชอบเข้ามาแก้ไขปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ได้ เพราะจะทำให้ประเทศไปสู่ทางตัน เกิดความเสียหาย