ฟุตบอลโลกหญิง 2023 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (7 สิงหาคม) ที่สนามบริสเบน สเตเดียม เมืองบริสเบน มลรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นการพบกันระหว่าง ‘สิงโตสาว’ ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติอังกฤษ พบกับ สาว ‘อินทรีมรกต’ ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไนจีเรีย
ตลอด 90 นาที ทั้งสองทีมมีจังหวะบุกเปิดเกมบุกใส่กันหลายครั้ง แต่หาจังหวะเข้าทำที่จะแจ้งไม่ค่อยได้ ทำให้เกมค่อนข้างอึดอัด โดยเฉพาะในช่วงท้าย ที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างไม่อยากเสียประตู
แต่ทว่าก่อนหมดเวลาเพียง 3 นาที ทัพ ‘สิงโตสาว’ ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน จากจังหวะที่ดูไม่มีอะไร เมื่อ ลอเรน เจมส์ น้องสาวของ รีซ เจมส์ ไปชนใส่ มิเชลล์ อาโลซี ล้มลงทั้งคู่ แต่ในจังหวะที่แข้งสาวทีมชาติอังกฤษลุกขึ้นยืน กลับดูเหมือนจงใจไปเหยียบใส่คู่แข่งก่อนเดินออกไป
เมลิสซา บอร์ฆาส ผู้ตัดสินในเกมนี้ ได้รับสัญญาณให้ไปดู VAR ในจังหวะดังกล่าว ก่อนตัดสินใจให้ใบแดงไล่เจมส์ออกจากสนาม ส่งผลให้เมื่อจบ 90 นาที เกมเสมอกัน 0-0 แต่อังกฤษต้องเล่นต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษแบบเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน
ช่วงต่อเวลา ไนจีเรียอาศัยผู้เล่นที่มากกว่าพยายามเดินหน้าเข้าหาเพื่อทำประตู แต่อังกฤษยังคงเหนียวแน่นและโต้กลับได้ลุ้นอยู่บ้าง แต่ก็ทำประตูไม่ได้ ทำให้ครบ 120 นาที ยังเสมอกัน 0-0 ต้องยิงลูกที่จุดโทษเพื่อตัดสิน
ในการยิงลูกที่จุดโทษ อังกฤษเป็นฝ่ายยิงก่อน ตามด้วยไนจีเรีย แต่ทว่าคนแรกของทั้ง 2 ฝ่าย ยิงพลาดทั้งคู่ ก่อนที่คนที่ 2 ของอังกฤษอย่าง บีธานี อิงแลนด์ ยิงเข้าไปให้อังกฤษนำก่อน 1-0
หลังจากนั้นคนที่ 2 ของไนจีเรีย ซึ่งคือ มิเชลล์ อาโลซี คู่กรณีที่ทำให้ ลอเรน เจมส์ โดนไล่ออกจากสนาม กลับยิงพลาด เปิดโอกาสให้อังกฤษได้เปรียบทันที
หลังจากนั้นอีก 4 คนของทั้ง 2 ฝ่าย ยิงเข้าทั้งหมด ทำให้อังกฤษนำ 3-2 ส่งผลให้ถ้าหากคนที่ 5 ของ ‘สิงโตสาว’ ยิงเข้าก็จะชนะทันที และทาง โคลอี เคลลี ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง ยิงเข้าไปไม่พลาด ทำให้จบเกม อังกฤษเอาชนะจุดโทษไนจีเรีย 4-2 หลังเสมอกันในเวลา 0-0
ชัยชนะนัดนี้ทำให้อังกฤษผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะรอพบผู้ชนะระหว่างโคลอมเบียหรือจาเมกา ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
อ้างอิง: