ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ประเทศไทยมีการจัดออกเสียงลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และคำถามพ่วงประชามติ โดยผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการจาก กกต. ระบุว่า
– จำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 50,071,589 คน
– มีผู้มาใช้สิทธิ 29,740,677 คน คิดเป็นร้อยละ 59.40
– บัตรดี 28,804,432 ใบ คิดเป็นร้อยละ 96.85
– บัตรเสีย 936,209 ใบ คิดเป็นร้อยละ 3.15
การลงประชามติในประเด็นที่ 1 คือ ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
– คะแนนเสียงเห็นชอบ 16,820,402 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 61.35
– คะแนนเสียงไม่เห็นชอบ 10,598,037 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 38.65
การลงประชามติในประเด็นที่ 2 คำถามเพิ่มเติมคือ ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ สมควรกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ในระหว่าง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
– คะแนนเสียงเห็นชอบ 15,132,050 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 58.07
– คะแนนเสียงไม่เห็นชอบ 10,926,648 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 41.93
ดังนั้นเป็นอันว่าผลการลงประชามติเห็นชอบให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และเห็นชอบประเด็นเพิ่มเติมตามคำถามพ่วงคือ การให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรกนับแต่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งบทเฉพาะกาลนี้จะหมดลงในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567