หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ Dream (2023)
ในที่สุดภาพยนตร์ที่ใครหลายคนรอคอยอย่าง Dream (2023) ก็เข้าฉายบน Netfilx สู่สายตาแฟนภาพยนตร์คอเมดี้-ฟีลกู๊ดในแวดวงกีฬาที่สองนักแสดงนำอย่าง พัคซอจุน และ ไอยู (อีจีอึน) ได้ร่วมถ่ายทอด ‘ความฝัน’ ผ่านเรื่องราวในทีมฟุตบอลภายใต้การเขียนบทและการกำกับของ อีบยองฮอน จากซีรีส์ Be Melodramatic (2019) ภาพยนตร์เรื่อง What a Man Wants (2018) และ Extreme Job (2019)
Dream (2023) ว่าด้วยเรื่องราวของ ยุนฮงแด (รับบทโดย พัคซอจุน) นักฟุตบอลตกอับที่ถูกระงับความฝันไว้ชั่วคราวเนื่องจากเหตุทำร้ายร่างกายที่ทำให้ชีวิตของเขาจำเป็นต้องไปต่อกับเส้นทางที่ไม่คาดฝันอย่างการเป็นโค้ชให้ทีมนักกีฬาฟุตบอลไร้บ้านเพื่อลงแข่งขันใน Homeless World Cup ในฐานะตัวแทนประเทศครั้งแรก ซึ่งเส้นทางนี้ได้ อีโซมิน (รับบทโดย ไอยู) โปรดิวเซอร์สาวผู้เป็นคู่กัดกับยุนฮงแดมาร่วมถ่ายทำสารคดี ‘ความฝัน’ เรื่องนี้ด้วยกัน
ความฝันของคุณเป็นแบบไหน?
คำถามที่ปรากฏขึ้นระหว่างชมภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ทำให้ผู้เขียนนึกอยากย้อนถามตัวเองว่าภาพ ‘ความฝัน’ ของตัวเองเป็นอย่างไร และเชื่อว่าหลายคนคงประสบกับคำถามนี้มานักต่อนักแล้ว บ้างก็มีคำตอบแบบเฉพาะเจาะจง บ้างก็ต้องใช้หลายประโยคเพื่อพรรณนาความฝันเหล่านั้น หรือบางคนก็ยังไม่สามารถหาความฝันของพวกเขาเจอ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำพาให้ผู้ชมได้เห็นความฝันที่หลากหลาย และตอกย้ำกับเราว่า ‘ความฝัน’ ไม่เคยมีกฎเกณฑ์หรือขอบเขตใดๆ มันสามารถเป็นอะไรก็ได้แค่เป็นสิ่งที่เรา ‘ต้องการ’ ก็พอ
โดยภาพความฝันเหล่านั้นสะท้อนผ่านแก๊งทีมนักฟุตบอลคนไร้บ้านที่พวกเขามีเป้าหมายในการเป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอลนี้แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น คิมฮวันดง (รับบทโดย คิมจงซู) ที่อดีตเคยร่ำรวย แต่ชีวิตพลิกโผเพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ ทำให้ตัวเองไม่กลัวต่อการทำสิ่งผิดกฎหมายจนนำไปสู่การเข้าคุก แต่แล้วเมื่อเขากลับสู่สังคมอีกครั้งก็กลายเป็นชีวิตที่ไม่เหลือใครแม้แต่ครอบครัว การเป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลคนไร้บ้านจึงเป็นความฝันของคิมฮวันดงที่จะพิสูจน์ให้ครอบครัวของเขาเห็นผ่านสารคดีว่าเขาจะไม่กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีกต่อไป
รวมถึง จอนฮโยบง (รับบทโดย โกชางซอก) คุณพ่อผู้อบอุ่นของลูกสาวเพียงคนเดียวที่ความใจดีจนเกินตัวของเขาทำให้ถูกหลอกจากการค้ำประกันให้เพื่อน จนกระทั่งสุดท้ายความใจดีนั้นกลับมาพังทลายครอบครัวของตนเอง การแข่งขัน Homeless World Cup จึงเป็นหนทางเดียวสำหรับจอนฮโยบงที่จะแสดงความสามารถให้ลูกสาวสุดที่รักภูมิใจในตัวพ่อคนนี้ หรือ ซนบอมซู (รับบทโดย จองซึงกิล) ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอลเพราะเป็นกีฬาโปรดของหญิงสาวผู้เป็นที่รักอย่างจินจู อีกทั้งการไปแข่งบอลโลกก็เป็นอีกหนึ่งความหวังของเขาที่อยากให้จินจูได้ใช้ชีวิตที่สบาย และเป็นหนทางที่จะทำให้เขาสามารถดูแลเธอได้ดีเหมือนกับที่เธอดูแลเขาในวันที่เขาไม่มีใคร
แม้แต่โค้ชและโปรดิวเซอร์อย่าง ยุนฮงแด และ อีโซมิน ก็ต่างมีความฝันในรูปแบบของพวกเขาเอง การได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองหลงใหลและอยากเอาชนะกับจุดอ่อนของตนเอง รวมไปถึงการใช้ชีวิตโดยปราศจากหนี้สินก็ถือเป็นความฝันสำหรับพวกเขาแล้ว
สลับมาที่พาร์ตการแสดงที่ไม่ว่าจะบทไหนทั้งพัคซอจุนและไอยูก็ตีบทแตกทุกครั้ง รวมถึงในบทบาทของยุนฮงแดและอีโซมินเช่นกัน โดยครั้งนี้แฟนๆ จะได้เห็นไอยูในลุคสาวสุดกวนที่มีจังหวะคอเมดี้ตามแบบฉบับของตัวเองมาฟาดฟันคารมกับหนุ่มพัคซอจุนหรือยุนฮงแด (โฮรัก) ในเรื่อง ที่แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ใช่แนวคอเมดี้เรื่องแรก แต่เขาก็สามารถปรับระดับความฮาเป็นอีกเวอร์ชันในแบบของยุนฮงแดได้อย่างดีเยี่ยม
ไปต่อกับอีกหนึ่งนักแสดงที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือ อีฮยอนอู จากซีรีส์ยอดฮิต Money Heist: Korea (2022) ที่คราวนี้เขาวางปืนลงสู่การพลิกบทบาทเป็นคิมอินซอน ชายหนุ่มพูดน้อยที่มีแผลใจและเป็นม้ามืดของทีมฟุตบอลไร้บ้าน เรียกได้ว่าบทบาทครั้งนี้เขาถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสีหน้าและแววตาได้อย่างแยบยลจนคนดูอย่างเราอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูเขาคนนี้
เพราะชีวิตจริงเต็มไปด้วยความ ‘ตลกร้าย’
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกประทับไว้ว่าเป็นแนว ‘คอเมดี้’ แต่เมื่อเราได้ชมตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นชัดไม่แพ้กับเรื่องความฝันคือความ ‘ตลกร้าย’ ของชีวิตที่เกิดขึ้นจริงและพบเจอได้ทั่วไปในสังคม ทั้งประเด็นครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ การดิ้นรนของชีวิตคนจน คนไร้บ้าน และคนไล่ล่าทำตามความฝัน
สืบเนื่องจากความตลกร้ายที่ถูกแฝงในคราบของภาพยนตร์แนวคอเมดี้ที่ผู้เขียนเองคิดว่า Dream (2023) ทำงานมากกว่าการมอบความบันเทิง แต่ยังพาคนดูอย่างเราไปเห็นอีกแง่มุมของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นคน ‘ไร้บ้าน’ ที่ไม่ ‘ไร้ฝัน’ เพียงแค่พวกเขาต้องการกลุ่มคนที่มองเห็นคุณค่าในตัวเขา และมองเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อาจกำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตของตนเอง รวมถึงพร้อมที่จะช่วยผลักดันและดูแลทั้งด้านจิตใจและด้านมูลทรัพย์เพื่อสาน ‘ความฝัน’ ในรูปแบบของพวกเขาเอง
Dream (2023) ถือเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ให้คุณค่าทางจิตใจกับผู้ชมอย่างเราได้ดีเลยทีเดียว สีสันของตัวละครในเรื่องถือเป็นตัวจุดประกายเสียงหัวเราะ และสะกิดต่อมน้ำตาด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่ายังมีตัวละครบางตัวที่เราอยากทำความรู้จักมากกว่านี้อีกหน่อยอย่าง จอนมุนซู (รับบทโดย ยังฮยอนมิน) และ ยองจิน (รับบทโดย ฮงวานพโย) แต่โดยภาพรวมถือเป็นผลงานที่มอบกำลังใจก้อนโต และปลอบประโลมความรู้สึกของใครหลายๆ คน ที่อาจกำลังร่างภาพความฝัน หรือกำลังไล่ล่าทำตามความฝันได้ไม่มากก็น้อย
รับชม Dream (2023) ได้แล้วบน Netflix
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่:
ภาพ: Plus M, Netflix