การหวนคือตำแหน่งซีอีโอ Disney ของ ‘บ็อบ ไอเกอร์’ นั้นเต็มไปด้วยความปั่นป่วน เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านความบันเทิงต้องต่อสู้กับวิกฤตต่างๆ มากมาย
8 เดือนนับตั้งแต่เขากลับมาที่บริษัท การกลับมาของเขาซึ่งตอนแรกได้รับการยกย่องว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของซีอีโอผู้เข้ามากอบกู้ ได้กลายเป็นงานที่ท้าทายด้วยปัญหามากมายที่เกินความคาดหมายในตอนแรกของเขา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘บ็อบ ไอเกอร์’ หวนกลับมารับตำแหน่งซีอีโอ Disney ถูกมองเป็นการกลับมาของการกบฏที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ ‘สตีฟ จ็อบส์’ ยึด Apple คืน
- ‘Disney’ สั่งระงับการจ้างงานใหม่ และอาจปรับลดจำนวนพนักงานลง หลังผลประกอบการบริษัทออกมาย่ำแย่
- การเสกมายากล ‘ราคา’ ครั้งใหม่ของ Disney สามารถทำ ‘กำไร’ ได้มากขึ้น แม้มีผู้เข้าชมสวนสนุกน้อยลงก็ตาม
ไอเกอร์ในวัย 72 ปีได้รับมอบหมายให้กู้วิกฤตต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ดิ้นรนของธุรกิจสตรีมมิงไปจนถึงสถานะที่ตกต่ำของธุรกิจโทรทัศน์แบบดั้งเดิมของ Disney ไม่ต้องพูดถึงความขัดแย้งกับประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทและผู้ถือหุ้น
Disney ยังประสบปัญหาการปลดพนักงานจำนวนมากและการตัดงบประมาณ จำนวนลูกค้าที่เข้าสวนสนุกน้อยกว่าที่เคยมีมาในช่วงวันหยุดฤดูร้อน สตูดิโอแอนิเมชันอย่าง Pixar ยังคงต่อสู้กับการตกต่ำของบ็อกซ์ออฟฟิศอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อพิพาททางกฎหมายและการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เดอซานติส จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งกำลังรณรงค์เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้เพิ่มความลำบากให้กับ Disney
แม้จะมีปัญหาเหล่านี้ คณะกรรมการของ Disney ได้ประกาศขยายสัญญาของไอเกอร์ออกไปอีก 2 ปี จนถึงปี 2026 โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้งานของเขาบรรลุความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งในบันทึกถึงพนักงาน เขายืนยันว่าจะใช้เวลาเพิ่มเติมนี้เพื่อนำพาบริษัทผ่านสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม
ถึงจะบอกว่าเขาเป็นซีอีโอผู้เข้ามากอบกู้ แต่เบื้องหลังความท้าทายที่สำคัญที่สุดของบริษัทบางส่วนมาจากการตัดสินใจของไอเกอร์ในช่วงที่รั้งตำแหน่งแม่ทัพซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี 2005-2020 ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินทรัพย์ด้านความบันเทิงของ Fox ในปี 2019 และการตัดสินใจที่จะแข่งขันในตลาดสตรีมมิง
พนักงานของ Disney ได้แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ในขณะที่บางคนเชื่อว่าเขาได้รับสถานการณ์ที่ยากลำบากและกำลังดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อ Disney เท่านั้น แต่รวมถึงอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งหมดด้วย แต่คนอื่นๆ กล่าวหาว่าเขาประเมินความสามารถของเขาสูงเกินไป
ในบรรดาปัญหาต่างๆ ที่ไอเกอร์กำลังเผชิญอยู่นั้น ธุรกิจสตรีมมิงของบริษัทกำลังประสบปัญหาอย่างหนักที่สุด เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้วที่ Disney ให้คำมั่นกับนักลงทุนว่า Disney+ จะทำกำไรได้ภายในเดือนกันยายน 2024
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบางคนของ Disney ยังสงสัยเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายนี้ ธุรกิจสตรีมมิงที่เคยเป็นดั่งเส้นเลือดใหญ่ในห้วงวิกฤตโควิดยังคงประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งขาดทุนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท นับตั้งแต่เริ่มรายงานทางการเงินในปลายปี 2019 ซึ่งมาจากค่าใช้จ่ายที่สูงและการเติบโตของสมาชิกที่ชะงักงัน
ธุรกิจทีวีแบบดั้งเดิมก็อยู่ภายใต้ความเครียดเช่นกัน จากที่ครั้งหนึ่งเคย ‘แบก’ ธุรกิจอื่นๆ ในช่วงที่ขาดทุน แต่ตอนนี้รายได้ได้ลดลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้ว นักแสดงฮอลลีวูดยังได้ร่วมกับนักเขียนในการประท้วงหยุดผลิตรายการและภาพยนตร์ใหม่ทั่วทั้งอุตสาหกรรม ก็เป็นคลื่นลมที่เข้ามากระทบด้วย
เมื่อไอเกอร์กลับมา Disney ได้เปลี่ยนไปอย่างมากจากตอนที่เขาจากไป เพราะแม่ทัพคนก่อนที่เขาเป็นคนตั้งเองกับมือให้ความสำคัญกับการขึ้นราคาในสวนสนุกและมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของสมาชิกสตรีมมากกว่าการขยายคลังตัวละคร
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไอเกอร์อยู่ที่เวลาที่ต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาของ Disney และความอดทนของกลุ่มนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดกลยุทธ์ด้านเนื้อหา ค้นหาโครงสร้างที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจสตรีมมิง ซึ่งจะเป็นการชี้ชะตาว่า Disney จะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหรือไม่
ภาพ: Angerer / Getty Images
อ้างอิง:
