กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ ที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนที่อ่อนแอ บวกกับตัวเลขการส่งออกและความต้องการบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
โดย IMF ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมาก เนื่องจากได้อานิสงส์จากข่าวดีที่รัฐบาลจีนตัดสินใจยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง
Julie Kozack โฆษกของ IMF กล่าวว่า ดังนั้นในภาพรวม จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่การเติบโตของเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง ซึ่งเป็นไปตามที่ IMF คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน พร้อมเสริมว่า IMF กำลังจับตาดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงของจีน
ขณะเดียวกัน Kozack กล่าวว่า IMF จะปรับคาดการณ์การเติบโตในจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ อย่างไรก็ตาม Kozack ไม่ได้ระบุว่าจะมีการปรับลดลงหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนโดยรวมในปี 2023 ว่า GDP ที่แท้จริง (Real GDP) ของจีนในปีนี้จะขยับอยู่ที่ 5.2% เพิ่มขึ้นจาก 3.0% ในช่วงปี 2022 ก่อนหน้านี้ที่จีนยังคงใช้มาตรการคุมเข้มเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งในรายงานเดือนเมษายนย้ำว่า จีนจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใส ท่ามกลางการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกหลายแห่งที่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นทำให้อุปสงค์ลดลง
Kozack ย้ำปิดท้ายว่า IMF กำลังเฝ้าดูสถานการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลข ‘อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง’ ของจีน เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงและเศรษฐกิจที่ซบเซา
อ้างอิง: