วันนี้ (13 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวชี้แจงประเด็นหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ว่า เรื่องนี้สามารถแบ่งการชี้แจงเป็น 3 ข้อ ส่วนที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้ยังไม่สิ้นสุด ยังอยู่ระหว่างกระบวนการ
หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมา เราก็ถือหลักสันนิษฐานไว้ก่อนให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ณ วันนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล จึงเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และสามารถูกเสนอชื่อตามมาตรา 159 ประกอบมาตรา 88 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้ นี่คือหลักการที่ตนคิดว่าทุกฝ่าย ทุกคน ต้องยอมรับร่วมกัน
ประการที่สอง ในปี 2562 ตอนที่ต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ วันนั้นเราก็มีการลงมติในเรื่องนี้ได้อย่างเป็นปกติ ทั้งที่หากจำกันได้การลงมติในเวลานั้นธนาธรถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วด้วยซ้ำ แต่ในเวลานี้พิธายังไม่ได้ถูกสั่งอะไร อาจมีกระบวนการในการดำเนินการ แต่ถึงที่สุด ณ เวลานี้ที่เรากำลังปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรี พิธามีสิทธิที่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญทั้งหมดทั้งสิ้น
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ตนจึงขอยืนยันว่า เรื่องที่มีการหยิบยกกรณีหุ้นสื่อไม่สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาได้ว่า พิธาไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
รังสิมันต์ยังตั้งคำถามว่า การอภิปรายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นเพราะพิธาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ จึงไม่สามารถปฏิบัติแบบเดียวกับปี 2562 ได้ ตอนปี 2562 ประเด็นเหล่านี้ไม่มีเลย ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงคาดหวังว่าจะมีการปฏิบัติอย่างที่เคยได้ทำกัน และสุดท้ายที่มีการพูดถึงว่า การกระทำของพรรคก้าวไกลเป็นการล้มล้างการปกครอง ตนขอเรียนตามตรงว่า การล้มล้างการปกครองที่ตนเห็นมาชั่วชีวิตจนอายุ 31 ปี มีกรณีเดียวคือการทำรัฐประหาร
