วานนี้ (11 กรกฎาคม) สิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัว ธาริต เพ็งดิษฐ์ ในคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และความผิดต่อเจ้าพนักงานยุติธรรมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ไว้ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์แล้วนั้น
สิทธิกล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เรือนจำฯ ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการปฏิบัติงานควบคุมผู้ต้องขังในกระบวนการรับตัวผู้ต้องขังแรกเข้า โดยมีการตรวจร่างกายผู้ต้องขังเข้าใหม่ สอบประวัติเบื้องต้น พบว่ามีโรคประจำตัวหลายโรคทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายในขณะหลับ ใช้เครื่องช่วยหายใจ (CPAP) และพบประวัติการรักษาวัณโรคปอด
โดยอยู่ในการรับยารักษาระยะเข้มข้น ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจำได้ จากข้อมูลข้างต้น ร่วมกับผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอื่นร่วมหลายโรค เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจึงได้ส่งตัวไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในวันที่ 11 กรกฎาคม
แพทย์ได้พิจารณารับตัวให้รักษาตัวห้องแยกโรค หอผู้ป่วยวัณโรค ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อให้การรักษาจนอยู่ในระยะปลอดภัย ไม่แพร่กระจายเชื้อ ลดความเสี่ยงแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่น เนื่องจากภายในเรือนจำเป็นพื้นที่ปิด มีความแออัด และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ
สิทธิกล่าวต่อว่า กรมราชทัณฑ์ได้มีการปฏิบัติต่อธาริตเช่นเดียวกับผู้ต้องขังทั่วไป ไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้ต้องขังรายอื่นๆ ถึงแม้จะเคยเป็นบุคคลสำคัญทางสังคม แต่ไม่ได้มีห้องพิเศษสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกแต่อย่างใด กรมราชทัณฑ์ยังคงควบคุมผู้ต้องขังทุกรายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักสิทธิมนุษยชน