นักอ่านตัวยง หนอนหนังสือ หรือคอวรรณกรรมอดตื่นเต้นไม่ได้ ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวงานสัปดาห์หนังสือที่จัดขึ้นมายาวนานในบ้านเรา…
ทุกครั้งที่มีการจัดงานในลักษณะนี้ ผลตอบรับที่ได้ส่วนใหญ่ก็เป็นไปในลักษณะเชิงบวก ผู้บริโภคอดไม่ได้ที่จะต้องจัดสรรวันเวลาไปถ่ายเงินออกจากระเป๋า แม้สมาชิกใหม่ของตู้หนังสือคงต้องไปเข้าคิวด้านหลังผู้มาก่อนจากรอบที่แล้วๆ มา ซึ่งยังไม่ได้รับเลือกจากมือเจ้าของมาอ่านเสียที และในช่วงที่ธุรกิจสิ่งพิมพ์ขับเคลื่อนไปได้อย่างเชื่องช้าสลับหยุดนิ่ง สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จําหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานยืนยันว่า ยอดขายในช่วงห้าปีที่ผ่านมาแม้ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ไม่ลดลง และงานในลักษณะนี้ช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของสำนักพิมพ์ที่เป็นสมาชิก
THE STANDARD ขอหยิบยกหนังสือที่น่าพูดถึงในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 46 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 16 ซึ่งเปิดตัวไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา หลายสำนักพิมพ์เปิดตัวผลงานที่เปรียบดังลูกคนใหม่ ส่วนหนึ่งเป็นผลงานเก่าที่เปลี่ยนปกใหม่ บางเล่มออกจากโรงพิมพ์ได้ไม่นาน ก็พร้อมจะมาเผยโฉมเอี่ยมอ่องที่งานนี้โดยเฉพาะ ด้วยพื้นที่จำกัด THE STANDARD คัดเลือกเล่มใหม่น่าสนใจเหล่านี้มาฝากให้คนอ่านรับไว้พิจารณา
Photo: www.facebook.com/Openworlds
ประวัติศาสตร์หยาดฝน
RAIN A Natural and Cultural History
ผู้เขียน ซินเธีย บาร์เน็ตต์
ผู้แปล พลอยแสง เอกญาติ
สำนักพิมพ์ openworlds
ราคาปก 395 บาท
__________________
ในวันที่ฟ้าฝนเป็นใจ คุณจะไม่เปียกมะล่อกมะแล่กเพราะพระพิรุณแกล้งทำน้ำตกจากฟ้าในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนก่อนไปทำงานหรือหลังเลิกงาน ในฤดูหว่าน ฝนจากฟ้าคือสิ่งเดียวที่ชาวนาตั้งตารอ และถ้าอยู่ในอารมณ์อกหัก เดินร้องไห้กลางสายฝนเป็นฉากเด็ดที่ต้องมี ทั้งหมดที่ว่ามานี้ไม่มีใน ประวัติศาสตร์หยาดฝน แต่ใช้เปรียบเปรยได้ว่ามนุษย์และสายน้ำจากเบื้องบนผูกพันกับมนุษย์เราตั้งแต่เมื่อครั้งก่อร่างสร้างอารยธรรมใหม่ๆ ซินเธียเป็นนักข่าวด้านสิ่งแวดล้อมมือรางวัลที่รายงานเรื่องน้ำไว้มากมาย เธอจะพาคนอ่านย้อนรอยไปดูที่มาของฝน ทั้งการบันทึกเป็นเรื่องเป็นราวในเชิงวิทยาศาสตร์ตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ ความเชื่อของแต่ละแหล่งอารยธรรม และสิ่งละอันพันละน้อยที่น่าจะทำให้คุณเข้าใจฝนได้ดียิ่งขึ้น
Photo: www.facebook.com/bookscape.co
ลุกกะ: วิถีความสุขจากทุกมุมโลก
The Little Book of Lykke: The Danish Search for the World’s Happiest People
ผู้เขียน ไมก์ วิกิง
ผู้แปล ลลิตา ผลผลา
สำนักพิมพ์ bookscape
ราคาปก 395 บาท
__________________
ปีที่แล้ว ผู้อ่านชาวไทยได้ทำความรู้จักกับปรัชญาความสุขแบบเดนมาร์กที่เรียกว่า ‘ฮุกกะ’ ซึ่งกลายเป็นกระแสย่อยๆ ไปทั่วโลก ปีนี้ ไมก์ วิกิง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยความสุขคนเดิม กลับมาพร้อมผลงานใหม่ที่ได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทย ลุกกะ: วิถีความสุขจากทุกมุมโลก นำเสนอมุมมองในการมองความสุขจากประสบการณ์ งานวิจัย และกรณีศึกษาทั่วโลก เพื่อค้นหาคำตอบว่าปัจจัยข้อใดคือกุญแจสำคัญที่เป็นตัวกำหนดความสุขในแต่ละประเทศ โดยมีตัวอย่างน่าสนใจ อาทิ การกินอาหารเพื่อเพิ่มพูนความสุขอย่างชาวฝรั่งเศส แนวคิดการ ‘ปัดฝุ่นสมอง’ ในภูฏาน ‘การอาบป่า’ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายใจแบบญี่ปุ่น เป็นต้น อ่านแล้วจะได้รู้ว่าความสุขอยู่รอบๆ ตัวเรานี่ล่ะ ไม่ต้องไปคลำหาลายแทงที่ไหน
Photo: www.chulabook.com
ความฉิบหายชั่วชีวิต
ผู้เขียน เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์
สำนักพิมพ์ในดวงใจ
ราคาปก 250 บาท
__________________
แฟนเดนตายของนักเขียน/กวีหนุ่มจากลุ่มน้ำสุพรรณ ย่อมไม่พลาดงานชิ้นใหม่ที่รับประกันความเข้มของเนื้อหา และความข้นคลั่กของภาษาอันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ผู้มุ่งมั่นจะเขียนถึงแผ่นดินเกิดอยู่ร่ำไป ความฉิบหายชั่วชีวิต ได้ตีแผ่ความเป็นมนุษย์ที่มีหลากหลายมิติผ่านเรื่องราวที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งสะท้อนทั้งแง่งามและแง่ทรามของชีวิต ของสังคม และของโลกใบนี้ อ่านแล้วจะได้รู้ว่า เราต่างมี ‘เมฆขาว’ และ ‘เงาดำ’ อยู่ในตัว ต่างเคยเป็นผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ และเราอาจเป็นอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยคิดว่านั่นคือเรา
America First รบเถิดอรชุน
ผู้เขียน ภาณุ ตรัยเวช
สำนักพิมพ์มติชน
ราคาปก 240 บาท
__________________
จากนักเขียนหนุ่มที่เคยมีผลงานเข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ถึง 2 สมัยตั้งแต่วัยยังไม่ถึง 30 จากนวนิยายเรื่อง เด็กกำพร้าแห่งสรวงสวรรค์ ใน พ.ศ. 2549 และจากผลงานรวมเรื่องสั้น วรรณกรรมตกสระ ใน พ.ศ. 2551 ภาณุ ตรัยเวช เติบโตบนเส้นทางสายวรรณกรรมที่เป็นงานอดิเรก และเคยพาคนอ่านย้อนกลับไปช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งผ่านงานชื่อในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คราวนี้นักเขียนหนุ่มจะพาไปสำรวจอเมริกาก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยผลงานเล่มล่าสุดที่เผยให้เห็นภาพความขัดแย้งและการต่อสู้ระหว่างความเชื่อที่แตกต่าง ความเป็นปรปักษ์ที่ว่าสะท้อนผ่านวลี ‘America First’ และ ‘รบเถิดอรชุน’ ตามชื่อเรื่องซึ่งผู้อ่านต้องไปหาคำตอบเอาเอง
เบสเมนต์ มูน
ผู้เขียน ปราบดา หยุ่น
สำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น
ราคาปก 265 บาท
__________________
หลังจากห่างหายไป 11 ปี เจ้าสำนักไต้ฝุ่นเปิดตัวนวนิยายลำดับที่ 5 ที่ตัวเอกเป็นนักเขียนไทยวัยกลางคนชื่อ ปราบดา หยุ่น ผู้ได้รับข้อความประหลาดผ่านโทรศัพท์มือถือให้เดินทางไปยังตึกร้างในย่านเก่าของกรุงเทพฯ และได้รับการเกลี้ยกล่อมว่าการกระทำของตนจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น เรื่องราวพิสดารที่เจ้าตัวได้ฟังที่ตึกร้างเกี่ยวกับอนาคต ความรุนแรงและความสูญเสียระดับชาติที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบกว่าปีข้างหน้า และเลยไปถึงยุคที่สร้าง ‘จิตสำนึกประดิษฐ์’ ได้สำเร็จ เรื่องราวแฟนตาซีที่ตามมาเชื่อมโยงกับโลกจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
กาบริแอลา กานพลู และอบเชย
Gabriela, Cravo e Canela
ผู้เขียน ฌอร์จ อะมาดู
ผู้แปล กอบชลี
สำนักพิมพ์ Library House
ราคาปก 520 บาท
__________________
กาบริแอลา กานพลู และอบเชย หรือ Gabriela, Cravo E Canela เป็นผลงานการเขียนของ ฌอร์จ อะมาดู นักประพันธ์จากบราซิล เล่าเรื่องของ กาบริแอลา หญิงสาวลูกผสมทรงเสน่ห์ ผู้มีสีผิวและกลิ่นกายคล้ายกานพลูและอบเชย เธอหนีภัยแล้งมาจากต่างถิ่น เก่งเรื่องการครัวแต่ไม่รู้หนังสือ จับพลัดจับผลูไ้ด้มาเป็นแม่ครัวแก้ขัดในบาร์ที่เจ้าของเป็นชาวซีเรียนามว่า นาซีบิ ฝีมือทำอาหารที่น่ามหัศจรรย์ช่วยให้กิจการของฝ่ายชายรุ่งเรือง และเสน่ห์ทางกายภาพทำให้เกิดเรื่องรักร้อนแรงระหว่างแม่ครัวและเจ้าของบาร์ เรื่องราวควรจะจบลงอย่างมีความสุข ถ้าไม่เพียงแต่กาบริแอลาเป็นสาวที่รักอิสระ ไม่ชอบมีพันธะผูกมัดใดๆ กลายเป็นสิ่งที่ท้าทายขนบของเมือง ‘อิลเญวส์’ ที่ตั้งในเรื่อง ผลจากการนี้ ชีวิตของทั้งสองจึงเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ในกรงแก้ว
The Bell Jar
ผู้เขียน ซิลเวีย แพลท
ผู้แปล เจนจิรา เสรีโยธิน
สำนักพิมพ์ Library House
ราคาปก 300 บาท
__________________
ในกรงแก้ว ตีแผ่เรื่องราวชีวิตของ เอสเทอร์ กรีนวูด หญิงสาววัยสิบเก้า ผู้เป็นดั่งดาวจรัสแสงที่มอดดับเพราะความขัดแย้งในจิตใจอย่างรุนแรง ความคิดแปลกแยกและการสูญเสียการควบคุมตัวตนของเธอสร้างความปวดร้าวทุกข์ทน จนทำให้เธอกลายเป็นบ้า ในกรงแก้ว เป็นนิยายกึ่งอัตชีวประวัติเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายของ ซิลเวีย แพลท กวีและนักเขียนหญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในโลกวรรณกรรมอเมริการ่วมสมัย เธอถ่ายทอดความเป็นกวีของเธอสู่นวนิยายเล่มนี้ด้วยถ้อยคำตรงไปตรงมา ซื่อตรงกับความรู้สึก ทว่าคมคายลึกซึ้ง ในกรงแก้ว ตีพิมพ์ครั้งแรกในอังกฤษเมื่อ ค.ศ. 1963 และหลังจากนั้น เธอตัดสินใจจบชีวิตด้วยการอัตวินิบาตกรรมในปีเดียวกัน ก่อนจะได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ปี 1982 จากผลงาน The Collected Poems ในกรงแก้ว ฉบับภาษาไทยสำนวนของ เจนจิรา เสรีโยธิน เคยตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2546
Photo: GammeMagieEditions/Facebook
ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย
Norwegian Wood
ผู้เขียน ฮารูกิ มูราคามิ
ผู้แปล นพดล เวชสวัสดิ์
สำนักพิมพ์กำมะหยี่
ราคาปก 330 บาท
__________________
แม้ฮารูกิ มูราคามิ จะมีหนังสือใหม่เปิดตัวสู่บรรณพิภพอย่างสม่ำเสมอ แต่ Norwegian Wood ยังเป็นผลงานขึ้นหิ้งจากนักเขียนเลือดซามูไรที่กลายเป็นผลผลิตส่งออกทางวรรณกรรมจากญี่ปุ่นที่ไปตีตลาดทั่วโลก เรื่องราวความรักที่ไม่อาจรัก การหวนคืนสู่อดีตที่ฝากบาดแผลยากจะลบเลือน และอาการหัวใจสลายที่ติดตรึงไปชั่วนิรันดร์ สำหรับหนอนหนังสือที่ไม่เคยเหยียบย่างสู่โลกของมูราคามิ นี่คือเล่มที่ต้องอ่าน สำหรับคนที่คุ้นเคยกับอารมณ์เปลี่ยว เหงา เศร้า ซึม แบบที่ตัวละครเอกของนักประพันธ์แดนปลาดิบมักจะเป็น ถึงเวลาที่เราจะกลับไปเยี่ยมเยือนนาโอโกะผ่านสายตาของ โทรุ วาตานาเบะ อีกครั้ง เพื่อฉลองปกใหม่อย่างที่เห็น
แผลลึก หัวใจสลาย
Never Let Me Go
ผู้เขียน คาสึโอะ อิชิงุโระ
ผู้แปล นารีรัตน์ ชุนหชา
สำนักพิมพ์เอิร์นเนส
ราคาปก 280 บาท
__________________
พูดถึงฮารูกิ แล้วจะไม่หยิบผลงานของนักเขียนเลือดบูชิโดที่ถือสัญชาติอังกฤษรายนี้ไม่ได้ ปีแล้วปีเล่าที่วงการพนันยกให้เป็นเต็งหนึ่งทุกครั้งก่อนประกาศรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม แต่ปีที่แล้วหวยมาตกที่คาสึโอะ อิชิงุโระ ซึ่งในแง่หนึ่งเข้าถึงผู้คนในวงกว้างกว่า เพราะเขียนต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ นอกจาก Remains of The Day ในปี 1989 ซึ่งกลายเป็นผลงานคลาสสิกในแวดวงวรรณกรรมยุคใหม่ นักประพันธ์หนุ่มสร้างชื่อด้วย Never Let Me Go ที่เปิดตัวในปี 2005 ก่อนจะได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เหมือนเล่มก่อน นวนิยายรักสามเส้าบีบคั้น สะเทือนอารมณ์ และทดสอบความเปราะบางของมนุษย์ที่พิมพ์ใหม่ได้อานิสงส์จากรางวัลโนเบลจนติดอันดับขายดีในร้านหนังสือหลายแห่งอยู่ในขณะนี้
Photo: openbooks2/Facebook
ONE MILLION | ปัญญาหนึ่งถึงร้อยหมื่น
ผู้เขียน ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา
สำนักพิมพ์ openbooks
ราคา 450 บาท
__________________
หนังสือซีรีส์ ‘ปัญญา’ (Wisdom Series) คือเครื่องมือแห่งยุคสมัยที่จะช่วยให้ผู้อ่านหัดตั้งคำถามต่อสังคมที่ตนกำลังดำรงอยู่ และต่อชีวิตที่เราจะเป็นต่อไปในภายภาคหน้า จากการถอดบทเรียนของคน ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยอดีตกาลเพื่อหาหนทางหรือบ่อเกิดปัญญาที่จะนำไปสู่อนาคต หนังสือซีรีส์ปัญญาได้สร้างปรากฏการณ์ยอดขายในงานสัปดาห์หนังสือมาแล้วหลายรอบ จากหนังสือ PAST | ปัญญาอดีต และ Future: ปัญญาอนาคต และครั้งนี้กับหนังสือเล่มล่าสุด ONE MILLION | ปัญญาหนึ่งถึงร้อยหมื่น ที่จะสกัดความคิดในแต่ละช่วงเวลาทั้งในอดีตและอนาคตว่าหากมันอยู่อย่างถูกที่ถูกทางแล้วจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้อย่างไร ด้วยฝีมือของผู้เขียนในการจับประเด็นทางประวัติศาสตร์ และการใช้ภาษาอย่างคมคายราวกับคมดาบซามูไร แต่ซึมซับง่ายประหนึ่งได้ลิ้มรสชาหนึ่งถ้วย ทำให้ซีรีส์นี้กลายเป็นหนังสือที่หยิบมาอ่านทวนได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเหนือสิ่งอื่นใดคือการมอบความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจากการได้พบปัญญาแล้วนั่นเอง
Photo: readery.co
วัยหนุ่ม
ผู้เขียน วรพจน์ พันธุ์พงศ์
สำนักพิมพ์บางลำพู
ราคา 450 บาท
__________________
แม้ปัจจุบัน วรพจน์ พันธุ์พงศ์ จะย้ายชีวิตตนเองเข้าป่าไปก่อร่างสร้างบ้านด้วยตนเองในจังหวัดน่านแล้ว แต่ความสุขุมนุ่มลึก และทัศนคติต่อการมองโลกมองชีวิตผ่านปลายปากกาของเขายังตราตรึงคนกรุงเทพฯ อยู่มิรู้คลาย วัยหนุ่ม คือความเรียงกว่า 50 ชิ้น ตลอดระยะเวลาการทำงาน 15 ปี ในช่วงวัยหนุ่ม ที่เขาเน้นย้ำว่าเป็นช่วงวัยที่มีพลังงานสูงจากเชื้อเพลิงคนรัก เพื่อน การงาน เหล้ายา เพลง และหนังสือ มีความหื่นกระหาย ความทะเยอทะยาน ขณะเดียวกันก็มีการทบทวน ปล่อยวาง และคาถา ‘ช่างแม่ง’ กับบางเรื่องราวของชีวิต
Photo: readery.co
ผีเพลง
ผู้เขียน สิเหร่
สำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรม
ราคา 385 บาท
__________________
หลายคนที่ชื่นชอบการฟังเพลงย่อมน่าจะรู้จัก สิเหร่ หรือ จิรภัทร อังศุมาลี นักเขียนชาวภูเก็ตที่เขียนเกี่ยวกับดนตรีสากล โดยก่อนหน้านี้เขามีผลงานเรื่อง Jazz Murakami ซึ่งได้รวบรวมเพลงแจ๊ซที่ปรากฏในงานเขียนของฮารูกิ มูราคามิ เกือบทุกเล่ม และสำหรับเรื่อง ‘ผีเพลง’ ครั้งนี้เป็นการตีพิมพ์ครั้งที่ 5 แล้ว ว่าด้วยเรื่องราวทางดนตรีสากลในทศวรรษ 60-70 ซึ่งตรงกับยุคบุปผาชนหรือฮิปปี้ ที่กำลังเจอกับภาวะสงครามเย็นและสงครามเวียดนาม คนหนุ่มสาวต่างใช้เพลงเป็นอาวุธสำคัญในการต่อต้านสงครามและเป็นยุคก่อกำเนิดนักดนตรีเลื่องชื่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บ็อบ ดีแลน, จอห์น เลนนอน, พีท ซีเกอร์ หรือ วู้ดดี้ กูธรี ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจถึงยุคสมัยทางวัฒนธรรมอีกแขนงหนึ่งมากขึ้น