JPMorgan มอง ‘ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้’ มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน (Supply-Chain Shift) ของบริษัทต่างๆ ที่กำลังย้ายออกจากจีน พร้อมเพิ่มน้ำหนักการลงทุนอินโดนีเซียและเวียดนามจากการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Investments) ที่แข็งแกร่ง ประเมินธนาคารกลางในภูมิภาคจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไว้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
Rajiv Batra นักกลยุทธ์ด้านตราสารทุนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดเกิดใหม่ของ JPMorgan Chase & Co. เปิดเผยกับ Bloomberg TV ว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในจุดที่น่าสนใจ แม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของหลายประเทศในภูมิภาค แต่ก็พบปัจจัยหนุนอยู่บ้าง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานของบริษัทต่างๆ ออกจากจีน
JPMorgan ยังให้มุมมองเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) อินโดนีเซียและเวียดนาม เนื่องจากทั้ง 2 ตลาดนี้ดึงดูดกระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานได้มากที่สุด โดยให้มุมมองคงน้ำหนักการลงทุน (Neural) แก่สิงคโปร์ และให้มุมมองลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) แก่มาเลเซียและฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้น MSCI ASEAN ร่วงลงประมาณ 3.5% แล้ว ตามหลังดัชนี MSCI Global EM ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 5% ในช่วงเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ JPMorgan ยังมองว่า ธนาคารกลางต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางเหล่านี้ไม่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยมากเท่ากับประเทศตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ไม่สูงเท่า ดังนั้นในช่วงครึ่งหลัง ธนาคารกลางเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลง แม้ธนาคารกลางบางแห่งหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวไปก่อนหน้านี้
อ้างอิง: