“นี่แหละวิธีในแบบของเรา” ถ้อยคำจากบัญชีทวิตเตอร์ผู้เชี่ยวชาญสายลิเวอร์พูล ที่โพสต์สรุปข่าวการซื้อตัว โดมินิก โซโบสไล (โซ-โบ-ส-ไล!) ผู้เล่นคนใหม่ที่ทีมดังแห่งเมอร์ซีย์ไซด์เปิดปฏิบัติการกระชากตัวมาจากแอร์เบ ไลป์ซิก ได้อย่างรวดเร็ว
เร็วแค่ไหน? ก็ตั้งแต่เริ่มมีข่าวจนเปิดตัวทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงภายในระยะเวลาแค่ 3 วันเท่านั้น! เรียกว่าเป็นดีลที่เหนือเมฆพอสมควร เพราะก่อนหน้านี้ชื่อของโซโบสไลไม่ได้อยู่ในสารบบว่าจะย้ายร่วมทีมลิเวอร์พูลมาก่อน
แล้วดีลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และมิดฟิลด์หน้าหยกคนนี้เก่งจริงหรือเก่งแค่ในคลิปรวมไฮไลต์เด็ดๆ เท่านั้น?
สำหรับที่มาที่ไปของดีลการคว้าตัวโซโบสไลมาอยู่กับลิเวอร์พูลนั้น ตามการเปิดเผยของ Liverpool Echo สื่อท้องถิ่น ระบุว่า การเจรจานั้นเพิ่งเริ่มต้นอย่างจริงจังในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้วเท่านั้นเอง
ก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลซึ่งคว้าตัว อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกชาวอาร์เจนตินา มาจากไบรท์ตัน ด้วยราคาสุดเหลือเชื่อ 35 ล้านปอนด์ มีข่าวกับผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางหลายราย เนื่องจากต้องหาคนมาทดแทน 3 นักเตะกองกลางที่อำลาทีมเนื่องจากหมดสัญญาไป อันได้แก่ อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิตา และ เจมส์ มิลเนอร์
ชื่อที่ถูกเชื่อมโยงมากที่สุดตลอดช่วงที่ผ่านมาคือ เกฟร็อง ตูราม กองกลางดาวเด่นของนีซ รวมถึง มานู โคเน มิดฟิลด์คู่ขวัญที่มีดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่ และช่วงที่ผ่านมาลงรับใช้ทีม Les Bleus ในรายการชิงแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี และอีกคนคือ โรเมโอ ลาเวีย กองกลางดาวโรจน์ชาวเบลเยียมของทีมเซาแธมป์ตัน ซึ่งตกชั้นลงไปเล่นในระดับเดอะแชมเปียนชิป
โซโบสไล แม้จะเป็นนักเตะที่อยู่ในลิสต์ของแทบทุกสโมสร และไม่ได้อยู่ในข่ายที่เชื่อมโยงกับลิเวอร์พูลมาก่อน โดยทีมที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังคือนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่ได้ไปเล่นในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลหน้ามากกว่า อีกทั้งไลป์ซิกเพิ่งจะเสีย คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู กองหน้าหมายเลขหนึ่งของทีม ให้เชลซีที่ซื้อตัวล่วงหน้ามา 1 ปี และกำลังจะปล่อย ยอสโก กวาร์ดิโอล ปราการหลังที่ว่ากันว่าจะเก่งที่สุดในโลกในอนาคตให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
โอกาสที่จะยอมเปิดทางให้โซโบสไลย้ายออกจากทีมไปด้วยเป็นเรื่องที่ดูยากอยู่
อย่างไรก็ดี กระแสลมมาเริ่มเปลี่ยนแปลงเอาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในระหว่างที่ลิเวอร์พูลซึ่งตัดสินใจถอนตัวจากการแย่งตัว เมสัน เมาท์ เพราะไม่ต้องการจ่ายเงินตามที่เชลซีต้องการ และมีโอกาสโดนปั่นราคาถ้าต้องแย่งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ซึ่งสุดท้ายเป็นฝ่ายได้ตัวไป) มีโอกาสเจรจากับทาง EM Sports และ มัตยาส เอสเตอร์ฮาซี เอเจนต์ส่วนตัวที่ดูแลเรื่องราวนอกสนามทุกอย่างให้กับดาวเตะชาวฮังการี
เรื่องเงื่อนไขสัญญาการปล่อยตัวโซโบสไล ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวบ้างว่าอยู่ที่ 70 ล้านยูโร ได้รับการยืนยันในการพบกันเมื่อวันพุธ และปัญหาคือระยะเวลาในเงื่อนไขนั้นไม่ได้มีถึงช่วงกลางเดือนกรกฎาคมอย่างที่มีการลือกัน แต่เงื่อนไขนี้มีอายุถึงแค่วันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปีปฏิทินฟุตบอล
หากปล่อยให้เลยเส้นตาย ไลป์ซิกจะมีอำนาจเต็มในการต่อรอง ซึ่งมีโอกาสที่จะต้องจ่ายเงินมากกว่านี้
ในเวลาเดียวกันลิเวอร์พูลใช้ความได้เปรียบจากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสโมสรจากเยอรมนีที่เป็นคู่ข้าและพันธมิตรที่ดีมายาวนาน จากการคว้าตัว นาบี เกอิตา รวมถึง อิบราฮิมา โคนาเต มาก่อนหน้านี้ และยังมีการเจรจาในเรื่องการขอตัว ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ไปเล่นในบุนเดสลีกา เป็นสะพานเชื่อม
ลิเวอร์พูลจึงเปิดการเจรจาแบบคู่ขนานไประหว่างดีลการปล่อยให้ไลป์ซิกยืมคาร์วัลโญไปใช้งานเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล แต่ไม่มีเงื่อนไขในการซื้อตัวขาด ซึ่งเป็นความตั้งใจเดิมของสโมสรจากเยอรมนี และสอบถามความเป็นไปได้ในการใช้เงื่อนไขการปล่อยตัว (Release Clause) ของโซโบสไลไปพร้อมกัน
โดยความได้เปรียบอีกประการคือ การที่ตัวของสตาร์ซึ่งเป็นกัปตันทีมชาติฮังการีในวัยแค่ 22 ปี ตัดสินใจเลือกลิเวอร์พูลแทบจะทันที (ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยในภายหลังว่า พอได้ต่อสายคุยกับ เจอร์เกน คล็อปป์ ก็แทบไม่ต้องคิดอะไรแล้ว) และทำให้นิวคาสเซิลตัดสินใจที่จะถอนตัว ไม่ร่วมชิงตัวนักเตะด้วยอีกต่อไป
ในระหว่างการเจรจาอย่างจริงจังซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางฝ่ายทีมเจรจาของลิเวอร์พูลซึ่งนำโดย ยอร์ก ชมัดเคอ ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ของสโมสร ที่เข้ามา ‘ทดลองงาน’ ในสัญญาระยะสั้น โดยรับไม้ต่อจาก จูเลียน วอร์ด ผู้อำนวยการคนเดิมที่อำลาทีมไปแล้ว พยายามที่จะต่อรองในเรื่องของเงื่อนไขการชำระเงิน 70 ล้านยูโร
แต่ทางด้านไลป์ซิกยืนกรานว่า เงื่อนไขนี้จะใช้ได้ต่อเมื่อลิเวอร์พูลจ่ายเงินก้อนเต็มเท่านั้น จะไม่มีการแบ่งจ่ายในแบบที่พวกเขาถนัดแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่แอบน่ากังวลว่าจะมีการอนุมัติจากฝ่ายบริหารของสโมสรหรือไม่ เพราะในฤดูกาลนี้พวกเขามีรายได้คาดการณ์ที่ลดลงจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ จากการที่ไม่ผ่านไปเล่นในแชมเปียนส์ลีก
อย่างไรก็ดี ฝ่ายบริหารของลิเวอร์พูลกดปุ่มไฟเขียวให้สำหรับดีลนี้ ก่อนจะแจ้งไปยังไลป์ซิกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาไม่ติดขัดที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่
หลังจากนั้นคือกระบวนการทั่วไป โดยโซโบสไลเดินทางมาถึงลิเวอร์พูลในวันเสาร์ เพื่อตรวจร่างกายและถ่ายทำสื่อที่จะใช้สำหรับการเปิดตัวตามธรรมเนียม
ก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรียกว่านับตั้งแต่เริ่มจนจบทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึง 72 ชั่วโมงดีนัก
สิ่งที่น่าสนใจต่อมาคือ โซโบสไลเก่งแค่ไหนถึงทำให้ลิเวอร์พูลตัดสินใจยอมทุ่มเงินในยามที่สโมสรเองก็ไม่ได้อู้ฟู่เหมือน 2-3 ปีก่อนหน้านี้ และค่าตัวของเขาเป็นอันดับ 4 ของสโมสรต่อจาก เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (75 ล้านปอนด์), อลิสสัน เบ็คเกอร์ (65 ล้านปอนด์) และ ดาร์วิน นูนเญซ (เริ่มต้นที่ 64 ล้านปอนด์)
ในเรื่องนี้ The Analyst จากสำนักวิเคราะห์สถิติอันดับหนึ่งของโลก OPTA ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลของโซโบสไลเอาไว้อย่างน่าสนใจ
เรื่องแรกที่สำคัญคือเรื่องของสภาพร่างกาย ซึ่งแม้จะมีปัญหาในช่วงแรกที่ย้ายจากเรดบูล ซาลซ์บวร์ก ในช่วงปลายปี 2020 เพื่อมาอยู่กับแอร์เบ ไลป์ซิก (ซึ่งเป็นทีมพี่) ในฤดูกาล 2020/21 โดยอาการบาดเจ็บที่ขาหนีบทำให้โซโบสไลได้ลงเล่นในบุนเดสลีกาเพียงแค่ 728 นาที จาก 13 นัด และมีช่วงที่เขาต้องพักการเล่นยาวถึง 5 เดือนเลยทีเดียว
แต่หลังจากนั้นโซโบสไลลงเล่นต่อเนื่อง ซึ่งค่าสถิติชุดนี้ ได้แก่
- ใน 2 ฤดูกาลหลังสุด (2021/22 และ 2022/23) โซโบสไลพลาดการลงสนามจากอาการบาดเจ็บแค่เกมเดียว
- เขาลงเล่นให้กับไลป์ซิกในทุกรายการ คิดจำนวนนาทีเป็น 64 เปอร์เซ็นต์ โดยลงสนามไป 5,832 นาที จาก 9,180 นาที โดยมีแค่ วิลลี ออร์บาน, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู และ ยอสโก กวาร์ดิโอล ที่ลงเล่นมากกว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา
เรียกได้ว่าปัญหาในเรื่องของสภาพร่างกายสำหรับโซโบสไลไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเหมือนในรายของเกตา หรือออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บแทบตลอดเวลา
ทีนี้มาถึงเรื่องผลงานในสนามบ้าง ใน 2 ฤดูกาลหลังสุดผลงานของโซโบสไลถือว่ายอดเยี่ยมไม่เบา
- ในการลงสนาม 91 นัด มีส่วนร่วมกับประตู (ยิงประตู / แอสซิสต์) ถึง 38 ลูก โดยไม่นับลูกจุดโทษ ซึ่งเขาเป็นมือสังหารของไลป์ซิกอยู่แล้ว
- สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน 99 ครั้งจากการเล่นโอเพนเพลย์ ซึ่งเป็นรองแค่เอ็นคุนคู (132 ครั้ง) คนเดียว
- เป็น 1 ใน 14 คนที่สร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้เกิน 100 ครั้งในบุนเดสลีกา 2 ฤดูกาลหลังสุด
- นับเฉพาะฤดูกาลที่แล้ว มีส่วนกับการได้ประตู 23 ลูก (ยิง 10 แอสซิสต์ 13)
สำหรับตำแหน่งการเล่นของโซโบสไลที่แฟนลิเวอร์พูลหลายคนอยากรู้ว่าเขาจะลงเล่นตรงไหน?
ในช่วงฤดูกาล 2021/22 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่เขาได้เริ่มโอกาสลงสนามต่อเนื่อง โซโบสไลถูกวางตำแหน่งเป็นปีกซ้ายเป็นหลัก (ลากตัดในแล้วส่องด้วยขวา เพราะเป็นคนที่วางเท้ายิงได้ดีมาก) คิดเป็น 32 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนาทีที่ลงสนาม แต่ยังเล่นในตำแหน่งอื่นๆ ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลาง ปีกขวา กองกลางตัวรุก กองกลางฝั่งขวา และกองหน้า
แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา โซโบสไลถูกโยกมาประจำการในตำแหน่งปีกขวาเป็นหลัก โดยคิดเป็น 77 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนาทีที่ลงสนาม ที่เหลือมีลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย มิดฟิลด์ตัวกลาง และกองกลางฝั่งขวาประปราย
เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นที่มีความสารพัดประโยชน์ในตัว ซึ่งแม้จะมีแนวโน้มว่าอาจจะได้ตำแหน่งกองกลางฝั่งขวาในทีมลิเวอร์พูลที่เป็นของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่เริ่มโรยรา แต่ก็สามารถที่จะโยกไปเล่นได้ในอีกหลายตำแหน่ง รวมถึงกองหน้าฝั่งขวาที่เป็นของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วย ซึ่งในช่วงต้นปีหน้าดาวยิงหมายเลขหนึ่งชาวอียิปต์เองก็ต้องหายหน้าไปจากทีม เพื่อลงเล่นในรายการแอฟริกันคัพออฟเนชันส์ 2024 ด้วย
ในขณะที่สไตล์การเล่นนั้น
- โซโบสไลเป็นตัวรุกที่มีความเร็วสูง มีทักษะในการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยมและเหนือชั้นอย่างมาก
- เป็นผู้เล่นที่มีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลทะลุช่องสูง
- เป็นผู้เล่นที่มีทักษะในการยิงประตูที่ดีมาก
- เป็นมือสังหารจุดโทษที่ไว้ใจได้
- เป็นจอมยิงฟรีคิกคนหนึ่ง และมีทีเด็ดคือลูกยิงเข้าข้อในแบบ Knuckleball ที่ยากจะรับได้
- ถึงจะเป็นตัวรุก แต่เป็นคนที่เล่นเกมเพรสซิงได้ดี และมีวินัยพร้อมลงมาช่วยเกมรับของทีมได้
เรียกได้ว่าค่อนข้างครบเครื่องเลยทีเดียวสำหรับนักเตะใหม่ของลิเวอร์พูล และไม่แปลกที่เดอะ ค็อป ทั่วโลกจะตื่นเต้นไม่น้อยกับนักเตะรายนี้ อาจมากกว่าการได้ตัว อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เมื่อเดือนที่แล้วด้วยซ้ำไป เพราะเป็นนักเตะในสไตล์ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่า
ทั้งนี้ เรื่องที่โซโบสไลจะมาอยู่ตรงไหนในทีมลิเวอร์พูลเป็นงานของคล็อปป์ที่จะต้องจัดการ
แต่การได้ตัวเขามาแบบนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่น่าสนใจของยักษ์หลับจากแอนฟิลด์ ที่เลือกเสริมทัพได้อย่างน่าสนใจและถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์พอสมควร
โดยที่แฟนๆ เริ่มตื่นเต้นกับนักเตะรายต่อไป ซึ่งคาดหวังจะเป็นกองกลางตัวรับและกองหลังที่พอใช้ได้อีกสักคน เพื่อเป็นกำลังทดแทน
“ไม่แน่เว้ย” เสียงในใจของเดอะ ค็อป วัย 40 บวกคนหนึ่งดังขึ้น หลังเคยพยายามไม่คิดหวังถึงการลุ้นแชมป์ใดๆ ในฤดูกาลหน้า
อ้างอิง:
