ดีลบางจากซื้อกิจการ ESSO เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้! ซีอีโอบางจากอัปเดต ล่าสุดบอร์ดแข่งขันทางการค้า (กขค.) จะสรุปกลางเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมเคาะราคาหลังปิดงบไตรมาส 2 ปีนี้ รับรู้ผลประกอบการไตรมาส 4 ตามแผน เดินหน้าหนุนกำลังผลิตน้ำมันขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของไทย 2.94 แสนบาร์เรลต่อวัน 2,100 สถานีบริการ
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยความคืบหน้าการเข้าซื้อหุ้นสามัญและการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดในบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ว่า บริษัทเตรียมเคาะราคาหุ้นสุดท้ายสำหรับธุรกรรมการซื้อขายหุ้น หลังปิดงบการเงินของ ESSO ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ตามแผนที่วางไว้ และจะรับรู้ผลประกอบการทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จับตาก้าวต่อไป ‘บางจาก’ หลังผู้ถือหุ้น 99% ไฟเขียวดีลซื้อ ‘เอสโซ่’ ลุยปรับโฉมโลโก้ปั๊มใหม่ทั่วประเทศ
- ส่องธุรกิจโรงกลั่นและปั๊มน้ำมันของ บางจาก หลังจ่อปิดดีลซื้อ เอสโซ่
- บางจาก ประกาศปิดดีลซื้อเอสโซ่ ทุ่ม 5.5 หมื่นล้านบาท เข้าถือหุ้นทั้งหมด
ทั้งนี้ ตามกระบวนการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) จะใช้เวลาในการพิจารณาอีก 105 วัน หรือช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 จะเห็นความชัดเจน ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดเป็นไปตามแผน
“กระบวนการขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐไม่มีอะไรน่ากังวล ทั้งการสอบถามเรื่องการขออนุญาตควบรวมกิจการการก็ได้รับคำตอบแล้วว่าไม่ต้องขออนุญาต แต่ยังเหลือเรื่องการได้รับความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ซึ่งไม่มีอะไรต้องกังวล” ชัยวัฒน์ย้ำ
ทั้งนี้ หากย้อนไปก่อนหน้านี้ บริษัทได้ทำประมาณการราคาซื้อขายหุ้นอ้างอิงจากข้อมูลที่เปิดเผยเป็นการทั่วไปของ ESSO และประมาณการข้อมูลสินค้าคงเหลือไฮโดรคาร์บอน และสินค้าคงเหลือของกิจการนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและสารละลายเคมีภัณฑ์ที่เป็นกิจการไม่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มูลค่ารวมของหุ้นที่จะซื้อขายเท่ากับ 20,956 ล้านบาท หรือ 9.18 บาทต่อหุ้น
จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดในเอสโซ่ คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 นี้ ดังนั้น มั่นใจว่ากระบวนการซื้อขายหุ้นทั้งหมดจะจบได้ในสิ้นปีนี้
สำหรับดีลดังกล่าวจะส่งผลให้ผลประกอบการตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งปริมาณกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว หลังรวมโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ปริมาณ 2.94 แสนบาร์เรล ซึ่งเป็นปริมาณที่มากที่สุดในประเทศไทย รวมถึงสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยปั๊มเอสโซ่มีสถานีบริการน้ำมัน 700-800 สาขา และบางจาก 1,300 สาขา รวมเป็น 2,100 สาขา