ชวนออเจ้า ‘ทะเวน’ ชิม 6 คาเฟ่ขนมไทยแห่งบางกอก

กระแสของละคร บุพเพสันนิวาส ไม่ได้นำพาแค่ความฟีเวอร์ในประวัติศาสตร์และการตามรอยเที่ยวกรุงเก่าอยุธยาเท่านั้น ขนมไทยอันเป็นมรดกตกทอดจาก แม่มะลิ หรือ ท้าวทองกีบม้า ก็กลับมาอยู่ในกระแสอีกด้วย และเพื่ออรรถรสในการชมละครอย่างต่อเนื่อง THE STANDARD จึงขอชวนออเจ้าทั้งหลาย ‘ทะเวน’ ชิมขนมไทยในคาเฟ่ที่เสิร์ฟเพียงขนมไทยง่ายๆ แต่ลึกซึ้งด้วยเทคนิคอันประณีตตำรับครัวขนมหวานไทย กับทั้ง 6 ร้านต่อไปนี้

1. Sané Café & Workshop

จากเสน่ห์ปลายจวักทั้งในเรื่องการทำอาหารและขนมอบ เมื่อได้มีโอกาสต่อยอดเรียนรู้เรื่องขนมไทยอย่างจริงจังกลายเป็นความหลงใหลในขนมสูตรไทยแต่โบราณ สุดท้ายหุ้นส่วนร้านทั้ง 3 จึงได้ตัดสินใจเปิดคาเฟ่เล็กๆ ที่เสิร์ฟเฉพาะขนมไทย พร้อมความตั้งใจที่จะทำให้ชาวต่างชาติในย่านถนนข้าวสารได้รู้ว่าขนมไทยไม่ได้มีดีแต่ข้าวเหนียวมะม่วงเท่านั้น และเมื่อลูกค้าเริ่มติดใจในเสน่ห์ขนมไทย ทางร้านจึงไม่รีรอที่จะเปิดห้องเรียนทำขนม อาทิ บุหลันดั้นเมฆ ขนมต้ม ม้าฮ่อ ขนมถ้วย ทองเอก เสน่ห์จันทน์ ฯลฯ

สั่งอะไรดี: ขนมไทยหลายชนิดของเสน่ห์เป็นขนมที่คนไทยล้วนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นขนมถ้วย ขนมต้ม ทองเอก เสน่ห์จันทน์ เปียกปูนเผือกกะทิสด แต่ความต่างคือ รสชาติซึ่งเกิดจากการยกระดับคุณภาพของวัตถุดิบ และเทคนิคครัวไทยที่ซับซ้อน ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เมนูขนมไทยพื้นๆ อย่าง ขนมต้ม ขนมเหนียว หรือแม้แต่ขนมถ้วย ที่ใครๆ ต่างก็ยกให้เป็นขนมไทยราคาถูก กลายเป็นเมนูใหม่ที่เหมือนไม่เคยลิ้มลองมาก่อน แนะนำ ขนมถ้วยไข่ดาว ที่ใช้กะทิเป็นไข่ขาวตัดด้วยสังขยาเป็นไข่แดง อีกซิกเนเจอร์คือ ขนมต้ม หอมไส้ขนมที่ผ่านการอบควันเทียน ส่วน บุหลันดั้นเมฆ ก็ทำออกมาได้น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม จัดใส่ถาดสาน เหมาะกับออเจ้าเหล่าอินสตาแกรมเมอร์เป็นที่สุด

Open: วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 11.00-19.00 น.

Address: ถนนตะนาว พระนคร กรุงเทพฯ

Budget: 60-150 บาท

Contact: โทร. 06 3541 4964

Page: www.facebook.com/sane.workshop

Map:

2. เฌอ ชีวา

คาเฟ่เล็กๆ ที่จะทำให้ขนมไทยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ในร้านร่มรื่นด้วยต้นไม้และดอกไม้คล้ายสวนย่อมๆ สมกับคำว่า เฌอ ที่แปลว่าต้นไม้ อีกสิ่งที่น่าสนใจคือหลากหลายขนมไทยที่ใช้สีจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์ พร้อมจัดแต่งเป็นเซตด้วยจานชามลายไทย กระทง อีกทั้งงานใบตองก็มาเต็ม จะเลือกกินแค่ 1 ชิ้น หรือ 1 เซตทางร้านก็ไม่ว่ากัน เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มไทยๆ ดับร้อนเข้ากันมาก แนะนำให้ไปตั้งแต่ร้านเปิด เพราะขนมของร้านนี้หมดไวมาก

สั่งอะไรดี: มาถึง เฌอ ชีวา ต้องสั่ง ขนมพระพาย ซิกเนเจอร์ที่อร่อยด้วยไส้ถั่วเหลือง บวกด้วยความหอมของมะพร้าวน้ำหอมและน้ำกะทิลอยดอกมะลิ แต่ถ้าใครเลือกไม่ถูกรักพี่เสียดายน้องให้เลือกเป็น เฌอเซต ชุดรวมขนมไทย ซึ่งทางร้านจะจัดซิกเนอเจอร์สุดอร่อยใส่พานชุดใหญ่คล้ายอาฟเตอร์นูนทีของตะวันตกเลยก็ว่าได้

Open: วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 12.00-18.00 น.

Address: ซอยกำแพงเพชร 1 จตุจักร (รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีกำแพงเพชร) กรุงเทพฯ

Budget: 100-300 บาท

Contact: โทร. 06 2445 5565

Page: www.facebook.com/chercheeva

Map:

3. วันทอง คาเฟ่

ด้วยบรรยากาศร้านสีขาวสว่าง ติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ และการตกแต่งที่ใส่ต้นไม้ดอกไม้เข้าไป ทำให้คาเฟ่ขนาดเล็กแห่งนี้เปรียบได้กับโอเอซิสใจกลางจตุจักร ด้านคอนเซปต์ของร้านเป็นไทยโมเดิร์นที่ดึงวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนเข้ามาเป็นไอเดียของขนมหวานและการตกแต่งที่มีลวดลายไทย งานหัตถศิลป์ รวมทั้งหนังสือเสภาขุนช้างขุนแผนและวรรณคดีไทยให้ได้อ่านเพิ่มความอินระหว่างกินขนมหวาน

สั่งอะไรดี: เมื่อนึกถึงวันทอง ประโยคยอดฮิตที่ว่า “วันทองสองใจ” ก็จะลอยมาในทันที ซึ่งภาพจำของวันทองสองใจนั้น ทางร้านได้ตีความถึงการนำความชอบในขนมไทยและเบเกอรีศาสตร์ทำขนมอบของตะวันตกมารวมกัน ดังนั้นขนมในร้านนี้แม้หน้าตาจะเป็นเค้กหรือทาร์ต แต่ก็มีความเป็นไทยซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Kaya ทาร์ตสังขยาท็อปด้วยเมอแรงก์และฝอยทอง ต่อด้วย Nilla เค้กไรซ์เบอร์รีสีดำหอมละมุนด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนและน้ำมะพร้าวที่นำมาเป็นส่วนผสม Almond Lemon เค้กไร้แป้งเนื้อเบาที่เห็นแล้วก็นึกถึงขนมจ้ำบ๊ะในทันที

Open: วันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 9.30-18.00 น.

Address: ตลาดนัดสวนจตุจักร โครงการ 26 ซอย1/4 จตุจักร กรุงเทพฯ

Budget: 100-200 บาท

Contact: โทร. 08 8885 7751

Page: www.facebook.com/wantongcafe

Map :

4. มังคุดคาเฟ่

มังคุดคาเฟ่นั้นขึ้นชื่อทั้งเรื่องงานศิลปะและอาหารไทย โดยเฉพาะขนมในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา กระเช้าขนมไทยของมังคุดคาเฟ่เป็นที่ถามหาของใครหลายคน และแม้ตัวร้านจะย้ายจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านวังหลัง มาตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ในบ้านไม้สีฟ้า ทว่าลูกค้ายังคงตามไปอุดหนุนไม่ได้ขาด

สั่งอะไรดี: อาหารไทยรสไทยพร้อมด้วยเมนูจากดอกไม้คือเอกลักษณ์ของร้าน นอกจากนี้ยังมีของหวานอย่างแตงโมปลาแห้ง ขนบจีบไทยจับจีบเป็นรูปนกและดอกไม้สุดน่ารัก กินคาวแล้วก็อย่าลืมตบท้ายด้วยของหวาน ซึ่งขึ้นชื่อไม่แพ้กัน แนะนำ ลูกชุบที่ปั้นเป็นพืชผักสวนครัวและผลไม้อย่างสมจริง ต่อด้วย สัมปันนี บุหลันดั้นเมฆ ขนมดอกลำดวน ขนมโสมนัส ที่สามารถจัดใส่กระเช้าเป็นของฝาก นอกจากนี้ยังมีเมนูประจำวันและประจำเทศกาลอย่าง มะละกอสานรังแตน เชื่อมในน้ำดอกอัญชัน มะตูมเชื่อม และมังคุดลอยแก้ว เป็นต้น

Open: วันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 11.00-15.00 น. และ 17.00-21.00 น.

Address: ถนนราชพฤกษ์ ซอย 34 กรุงเทพฯ

Budget: 200 บาท

Contact: โทร 0 2432 0968

Page: www.facebook.com/rak.mangkudcafe

Map:

5. Issaya La Patisserie

นี่คือการรวมตัวระหว่างความเป็นไทยและฝรั่งเศส กลายมาเป็นขนมหวานที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยเต็มเปี่ยม แต่ก็มีหน้าตาออกไปทางตะวันตกแบบสุดจะคาดเดา ทั้งหมดโดยการสร้างสรรค์ของ เชฟเอียน-พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย และ เชฟเปเปอร์-อริศรา จงพาณิชกุล ซึ่งต้องการนำรสไทย วัตถุดิบไทย มาผสมผสานกับเทคนิคการทำขนมตำรับฝรั่งเศส ที่นี่มีหมดทั้งมาการอง ชูครีม แต่เมื่อกัดเข้าไปจะพบว่านี่คือรสชาติความเป็นไทยที่ชัดเจนมาก

สั่งอะไรดี: เพื่อความสวยงามยามถ่ายภาพ แนะนำให้สั่งชุดเซต Pinto ที่ทางร้านจะจัดขนมน้ำชาใส่ปิ่นโตหลากสีสันมาเสิร์ฟ ส่วนเมนูเด็ดห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด ได้แก่ ขนมครก เสิร์ฟในกระทงใบตองพร้อมท็อปปิ้งให้เลือกตามใจ ส่วน มาการอง นั้นแน่นอนว่ามีความเป็นฝรั่งเศสจ๋า ทว่ารสชาติที่ซ่อนไว้นั้นไทยสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น มาการองมะขาม มาการองมะพร้าว มาการองข้าวเม่า มาการองทับทิมกรอบ เป็นต้น และที่เป็นการฟีเจอริงระหว่างตะวันตกและตะวันออกได้เป็นอย่างดีคือ กล้วยแขก ซึ่งคาดไม่ถึงว่าจะนำการกินกล้วยทอดในถุงกระดาษมารวมกับเอแคลร์ได้อย่างเข้ากันสุดๆ

Open: ทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.

Address: ชั้น 4 Helix Hall The EmQuartier ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ

Budget: 200-500 บาท

Contact: โทร 0 2259 9294

Page: www.facebook.com/issayalapatisserieemquartier

Map:

6. หวานละมุน

ร้านขนมไทยในความทรงจำที่ขยายสาขามาจากจังหวัดเชียงใหม่ มาเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ ถามว่าอะไรที่ทำให้หวานละมุนสามารถครองใจแฟนขนมไทยมาได้ตลอด 25 ปี คำตอบสั้นๆ แต่ชัดเจนก็คือ ความสะอ้าน ซึ่งไม่ได้หมายถึงความสะอาดของขนมและแพ็กเกจ แต่ยังหมายถึงหน้าตาขนมที่สวยงาม และความประณีตในทุกขั้นตอน ไม่เว้นแม้แต่การเลือกกลีบดอกไม้ที่สวยที่สุดมาจัดวางเป็นสีสันบนหน้าขนม หลายคนอาจมองว่าขนมไทยของที่นี่ราคาค่อนข้างสูง แต่หากได้ชิมแล้วจะรู้เลยว่าแม่ครัวผู้อยู่เบื้องหลังนั้นมีความใจถึงในเรื่องวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาน้ำตาลมะพร้าวที่ดีที่สุด แป้งที่ดีที่สุด กะทิที่ดีทีสุด เรียกได้ว่าต้องเสียค่าขนส่งแพงเท่าไรก็ยอม และที่จะขาดไม่ได้คือสูตรขนมที่ตกทอดมาจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูกและหลาน

สั่งอะไรดี: แม้จะเป็นร้านแบบไม่มีที่นั่งต้องซื้อกลับเท่านั้น แต่ไลน์ขนมของหวานละมุนมีให้เลือกมากถึง 20-30 ชนิดต่อวัน ห้ามพลาดกับ ถั่วแปบ ขนมชั้น ขนมเหนียว ซึ่งเป็น 3 เมนูแรกที่เจ้าของร้านหัดทำจากคุณแม่ และยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับ ขนมชั้น ที่ต้องหยอดทีละถ้วยๆ ให้ทั้งความนุ่มเหนียวและความหอมไม่เหมือนใคร ด้าน ตะโก้ นั้นมีความเข้มข้นของกะทิและมักจะหมดเกลี้ยงตั้งแต่ยามสาย อีกเมนูที่ดูเหมือนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเพราะใช้เวลาทำนานร่วมชั่วโมงคือ กล้วยเชื่อม ซึ่งทางร้านต้องเปลี่ยนน้ำตาลทุกครั้งที่เชื่อมเพื่อให้ได้กล้วยสีสวย ดูแล้วสะอาดสะอ้านในทุกคำ