รวมบทสนทนากับ ต๋อง-ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา ในรายการ THE INTERVIEW Pride Month พูดคุยหลากหลายแง่มุม ทั้งประเด็นเรื่องคอนเทนต์วาย ความรัก เพศ และ Chosen Family ครอบครัวที่เราเลือกเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐควรให้ความสนใจ
บทสนทนาในรายการ THE INTERVIEW Pride Month ครั้งนี้เต็มไปด้วยหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องของซีรีส์วายที่ถูกพูดถึงมากในสังคม ความสำคัญของการนิยามเพศ ไล่เรียงไปจนถึงเรื่องที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงนักอย่าง พ.ร.บ.อัตลักษณ์ทางเพศ และ Chosen Family ครอบครัวที่เราทุกคนเลือกเองได้ ปิดท้ายด้วยการพูดถึง Pride Month เดือนแห่งการต่อสู้ของกลุ่มเพศหลากหลายรอบโลก
ติดตามรายการ THE INTERVIEW Pride Month ต๋อง ธนายุทธ Chosen Family ครอบครัวที่ผูกกันด้วยใจไม่ใช่สายเลือด ได้ทาง YouTube ของ THE STANDARD POP:
ระหว่างการพูดคุยเรื่องสื่อและซีรีส์วาย ต๋องได้พูดถึงเรื่อง Beauty Privilege ที่มักพบเห็นอยู่ในซีรีส์วายบางเรื่อง โดยการนำเสนอผ่านภาพผู้คนกรี๊ดและให้ความสนใจกับคนที่มีรูปร่างหน้าตาดีตามมาตรฐานของสังคม ซึ่งการนำเสนอภาพจำในรูปแบบนั้นอาจเป็นการตีกรอบความงามหรือนิยามความงามให้กับผู้ชมได้
ในปัจจุบันที่โลกกว้างขึ้นและมีความหลายมากขึ้นแล้ว ต๋องมองว่าเราทุกคนและสังคมควรก้าวข้ามมาตรฐานความงามแบบเดิมๆ และเลิกชี้นำความงามให้เป็นไปตามนิยามแบบเดิมได้แล้ว
ความคิดเห็นของต๋องเกี่ยวกับวลี ‘รักไม่มีเพศ’ ที่เขาไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนัก โดยต๋องอธิบายเพิ่มเติมว่า “รักมันอาจไม่จำกัดเพศ ฉันสามารถรักคนโดยไม่จำกัดว่าเป็นเพศชาย เพศหญิง หรือเพศไหนๆ”
หนึ่งในประเด็นที่ต๋องเล่าให้ THE STANDARD POP ฟังก็คือประเด็นเรื่อง Chosen Family หรือครอบครัวที่เราเลือกเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกของคนที่ไม่ได้มีครอบครัวเป็นพื้นที่ปลอดภัย ดังนั้นคอนเซปต์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อกลุ่มเพศหลายหลายเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงคนทุกเพศที่แสวงหาครอบครัวที่สามารถซัพพอร์ตตัวเองได้อย่างแท้จริง
แม้ประเด็นเรื่อง Chosen Family หรือครอบครัวที่เลือกเอง จะเป็นเรื่องใหม่ทั้งในสังคมไทยและสังคมโลก แต่ต๋องก็บอกว่า รัฐมีหน้าที่ต้องหาแนวทางในการสนับสนุนและตามกระแสสังคมให้ทัน เพราะรัฐก็คือตัวแทนของภาคประชาชน
ก่อนจะจบการพูดคุยในครั้งนี้ ต๋องได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “ในฐานะของคนที่อยู่ในวงการที่หยิบจับเอาอัตลักษณ์ทางเพศของกลุ่มคนหลากหลายมาหากิน ก็อยากจะเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจกลุ่มคนหลากหลายมากขึ้น อยากให้เห็นถึงความเท่าเทียมและสิทธิที่พึงมีของทุกๆ คนว่าควรมีเท่ากัน”
