วันนี้ (20 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ครบ 500 คนแล้ว ส.ส ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทยอยเดินทางไปรายงานตัวเลยหรือไม่ ว่า เมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ซึ่งเห็นด้วยว่าจะมีการนัดหมายกันอีกครั้งว่าจะไปรายงานตัวพร้อมกันวันไหน ส่วนตัวแล้วที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์กดดันการทำงานของ กกต. ว่าล่าช้า แต่สุดท้ายก็มีการประกาศผลออกมา ก็ต้องชื่นชม เพราะถือว่าทำงานได้เร็ว
ธนกรกล่าวอีกว่า ส่วนการอบรมสัมมนา ส.ส.ใหม่ของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้นเข้าใจว่าจะจัดเป็นการภายใน และหลังจากนั้นจะมีการสัมมนานอกสถานที่ในต่างจังหวัดอีกหนึ่งครั้ง เนื่องจากพรรคยังไม่เคยมีการจัดเพื่อพบปะพูดคุย และที่ผ่านมาได้ฟังเสียงสะท้อนจาก ส.ส. และผู้สมัครรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่จะนำมาขับเคลื่อนพรรคการเมือง ดังนั้นจึงต้องมีการพูดคุยและนำข้อมูลมาทำงานให้พรรคเข้มแข็งขึ้น นอกจากนี้ ส.ส. 36 คน หลายคนเป็น ส.ส.ใหม่ ซึ่งต้องมีการทำความเข้าใจเรื่องระเบียบต่างๆ และวิธีการในสภามากกว่านี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการลงคะแนนเลือกประธานสภาและการโหวตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นมติพรรคในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ธนกรยืนยันว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเข้าใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันมีการพูดคุยกันด้วยในเรื่องนี้และมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค กันตลอด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเสนอชื่อประธานสภาแข่งหรือไม่ ธนกรกล่าวว่า ไม่สามารถตอบแทนได้ ต้องมีการประชุมพรรคก่อน
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะนัดประชุมหารือและแถลงร่วมกัน ธนกรกล่าวว่า ต้องไปถามความเห็นของแต่ละพรรค แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะพูดคุยกัน โดยไม่ขอก้าวล่วงพรรคอื่นว่าการโหวตในสภาจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ยืนยันว่าความสัมพันธ์อันดีมีมายาวนานอยู่แล้ว ซึ่งในทางการเมืองก็จะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันอยู่ตลอดเวลา
ธนกรกล่าวถึงบทบาทของ ส.ส. ในการทำหน้าที่ในรัฐสภาว่า ในพรรคมีทั้ง ส.ส.อาวุโสที่มีประสบการณ์หลายท่านทั้ง จุติ ไกรฤกษ์ และ วิทยา แก้วภราดัย จะใช้ประสบการณ์มาเป็นประโยชน์กับ ส.ส.รุ่นใหม่ เพราะวันนี้โลกเปลี่ยน การทำงานในสภาก็ต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส. 36 คนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นตัวหลักในการรวบรวมรายชื่อ ส.ส. 50 คนเพื่อตรวจสอบ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ธนกรกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่จริงๆ หลัง กกต. รับรองแล้ว กลไกในการดำเนินคดีต่างๆ ก็เดินหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้มีการยื่นร้องเรียน แต่เมื่อ กกต. รับรองความเป็น ส.ส. แล้ว สถานะก็เปลี่ยน และเข้าเงื่อนไขในข้อกฎหมายทั้งหมด เพราะฉะนั้น กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องดำเนินการ ส่วนจะเป็นหน้าที่ กกต. หรือ ส.ส. ในการยื่นตรวจสอบพิธานั้น เห็นว่าไม่ใช่หน้าที่ของใคร แต่คนไหนที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว เป็นไปตามกระบวนการและข้อกฎหมาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของ กกต. ดำเนินการไปตามช่องทางของศาลรัฐธรรมนูญก่อน ถึงจะเป็นขั้นตอนของการเข้าชื่อ ส.ส. เพื่อตรวจสอบหรือไม่ ธนกรกล่าวว่า หลังจากที่ กกต. รับรอง ก็เดินหน้าตามข้อกฎหมายว่าจะมีการประชุมและโหวตเลือกประธานสภาในกี่วัน จากนั้นจะเป็นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางตามปกติ แต่ถ้าว่าที่นายกฯ มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าองค์กรที่ตรวจสอบจะตัดสินตอนไหน ซึ่งต้องไปดูว่าอาจจะทำให้เกิดปัญหาอย่างไร ส่วน ส.ส. รวมไทยสร้างชาติ จะเข้าชื่อหรือไม่ ก็ขอให้เป็นมติพรรคที่จะต้องพูดคุยกัน