วานนี้ (19 มิถุนายน) เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานนโยบายด้านเกษตร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล และ นพ.นิยม วิวรรธนดิฐกุล ว่าที่ ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ร่วมสัมมนาแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเหนือและรับฟังความเห็นจากตัวแทน 24 กลุ่มเศรษฐกิจจังหวัดแพร่ ประกอบด้วย
- หอการค้าแพร่
- สภาอุตสาหกรรมแพร่
- ชมรมท่องเที่ยวแพร่
- ศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดแพร่
- กลุ่มปัญหาที่ดินและป่าชุมชน
- กลุ่มผักออร์แกนิค P8
- กลุ่มทุเรียนแพร่
- กลุ่มพริกโรงงาน
- กลุ่มวิสาหกิจน้ำผึ้งแพร่
- กลุ่มส้มเขียวหวาน
- ภาคีเครือข่ายผู้บ่มใบยาสูบและชาวไร่บ่มเองเหนือและอีสาน
- กลุ่มข้าวหอมมะลิ
- กลุ่มกาแฟภูเขาไฟ
- กลุ่มแพร่คล้าฟ ผ้าทอ ม่อฮ่อม
- กลุ่มผ้าจกโบราณ
- กลุ่มไม้สักทอง
- กลุ่มสุราแพร่แข็งจ๊ด
- กลุ่มพุทราแพร่
- กลุ่มวิสาหกิจโอทอปอาหารแพร่
- กลุ่มหัตถกรรมเหล็ก
- กลุ่มคมนาคมภาคเหนือ
- กลุ่มสถาบันการศึกษา
- กลุ่มทำเหล็ก
- YEC แพร่ (นักธุรกิจรุ่นใหม่ หอการค้าแพร่)
โดยมี นพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่, ศรีโสภา โกฏคําลือ ส.ส.เชียงใหม่, ณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ ส.ส.น่าน และ รังสรรค์ มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ร่วมหารือด้วย
โดยก่อนเริ่มกิจกรรม เศรษฐาและคณะพรรคเพื่อไทยได้เลือกสวมใส่เสื้อชุดม่อฮ่อมที่ผ่านการออกแบบใหม่โดย ‘กลุ่มแพร่คราฟท์’ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในจังหวัดแพร่ ที่เลือกใช้ผ้าพื้นเมืองและสีย้อมธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี รักษ์โลก ผ่านการออกแบบ-ตัดเย็บโดยคนรุ่นใหม่ ตัดผ้าฝ้ายย้อมของล้านนาให้ออกมาทันสมัย แปลกตา โดนใจวัยรุ่น ทำให้ผู้สื่อข่าวแซวเศรษฐา ส.ส.แพร่ และทีมงานพรรคเพื่อไทยว่า ‘หล่อกระชากวัยเลย’
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ ลุกขึ้นบอกเล่าถึงปัญหา และเสนอความต้องการ แนวทางแก้ไขปัญหาต่อพรรคเพื่อไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรกรรม กลุ่มหัตถกรรม และกลุ่มธุรกิจ / อุตสาหกรรม ซึ่ง อนุวัธ วงศ์วรรณ นายกฯ อบจ.แพร่ ระบุว่า แพร่เป็นเมืองที่มีภูเขาสูงรายล้อมรอบจังหวัดเป็นรูปก้นกระทะ ทำให้แม่น้ำยม ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัด มีความลาดชันสูง เมื่อเกิดเหตุอุทกภัยหนักในฤดูฝนจะทำให้เกิดกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ลาดเทไปจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ และจนกระทั่งถึงกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในสาเหตุของอุทกภัยหนักซ้ำซากทุกปี
และเมื่อน้ำไหลลงไปหมดแล้วประชาชนยังจะมีน้ำใช้ ซึ่งจะเป็นการบรรเทาปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปีไปในตัวด้วยเช่นกัน ดังนั้นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เราจึงเสนอให้กั้นน้ำไว้บนรอบเขาขนาดเล็กที่กระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัดที่เราเรียกกันว่าอ่างดอย ตรงนี้จะเป็นการซับไม่ให้มวลน้ำขนาดใหญ่ไหลบ่ารุนแรงลงไปในแม่น้ำยมในเวลาเดียวกัน และช่วยเพิ่มการกักเก็บน้ำในแต่ละปี จาก 185 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตรด้วย ซึ่งเท่ากับได้ประโยชน์ 2 ชั้น คือลดปัญหาอุทกภัยใหญ่ และทำให้ประชาชนในพื้นที่มีน้ำใช้สำหรับทำการเกษตร และมีน้ำสำหรับใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคเพียงพอด้วย
ต่อมาตัวแทนภาคเอกชนได้สะท้อนปัญหาพร้อมข้อเสนอว่า เราต้องการการปรับปรุงและขยายสนามบิน หลังจากที่มีเที่ยวบินมานานกว่า 10 ปี วันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมาต้องประกาศหยุดบิน ทำให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการลงทุนในจังหวัดเป็นอย่างมาก วันนี้จังหวัดแพร่มีความพร้อมในการขยายสนามบิน แต่ขาดการดำเนินการอย่างจริงจังโดยรัฐ อีกประเด็นคือการขยายถนน เพราะเส้นทางการคมนาคมของเราโดนล้อมโดยภูเขาและป่าไม้ ทำให้เราขยายเส้นทางคมนาคมได้ลำบาก จึงฝากเรื่องนี้ให้พิจารณาแก้ไขด้วย
สำคัญที่สุดสำหรับภาคเอกชนคือการลดต้นทุนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นราคาปุ๋ย ราคาพลังงาน และภาษี สุดท้ายเรื่องการท่องเที่ยว เรามีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม มีอาหารและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังขาดการวางแผนและการโปรโมตการท่องเที่ยวให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่ง
ตัวแทนหอการค้าจังหวัดแพร่ระบุว่า เราต้องการบูตเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว โดยปรับปรุงจากสิ่งที่มีให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเราเพิ่งเผชิญกับวิกฤตโควิดมา การท่องเที่ยวเป็นหน่วยที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่การท่องเที่ยวก็เป็นสิ่งที่จะสามารถดึงเม็ดเงินกลับมาได้ไวที่สุดด้วยเช่นกัน จังหวัดแพร่มีพื้นที่ป่ามากกว่า 80% ซึ่งเราสามารถโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและอันซีนได้ เราอยากให้เปิดเส้นทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามใหม่
นอกจากนี้ เราต้องการเติมเงินเข้าจังหวัดเพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจโรงแรม เราอยากให้รัฐช่วยสนับสนุนการจัดกิจกรรมหรืออีเวนต์ต่างๆ เพื่อให้พื้นที่และธุรกิจโรงแรมได้มีเม็ดเงินมาเติมกำลังต่อไป
ตัวแทนภาคอุตสาหกรรมระบุว่า จังหวัดแพร่ถูกพันธนาการด้วยผังเมือง ทำให้ไม่สามารถขยายพื้นที่ทางอุตสาหกรรมได้ เพราะติดพื้นที่สีเขียว ทำให้สร้างโรงงานไม่ได้ ห้องเย็นก็ทำไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อรายได้ทางการเกษตร เพราะเราแปรรูปอะไรไม่ได้เลย เราจึงรวบรวมปัญหาเหล่านี้ทำเป็นเอกสารมอบไปยังทางพรรคเพื่อไทย เพื่อช่วยพวกเราหาทางแก้ไขปัญหาด้วย นอกจากนี้ เราต้องการให้ภาครัฐดูแลเรื่องการรับรองผลิตภัณฑ์ของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมามีความยากลำบากและติดขั้นตอนต่างๆ ทำให้การรับรองสินค้าและผลิตภัณฑ์ของประชาชนมีความล่าช้า กระทบทั้งต่อการผลิตและรายได้ของผู้ประกอบการ
“วันนี้เราถือว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่พรรคหนึ่งที่กำลังจะก้าวไปเป็นพรรครัฐบาลในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเราเชื่อมั่นการบริหารประเทศให้ดีขึ้นของท่านตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน พวกเราชาวแพร่ทั้งจังหวัดจึงได้ยกความไว้วางใจของพวกเราให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างท่วมท้นเสมอมา ดังนั้น เราเชื่อและหวังอย่างยิ่งว่า เมื่อท่านได้เข้าไปนั่งบริหารงานในกระทรวงต่างๆ แล้ว ท่านจะหยิบเอาปัญหาของพวกเราชาวแพร่ที่ได้สะท้อนและนำเสนอให้ท่านได้รับทราบในวันนี้ เข้าไปดำเนินการแก้ไขให้กับเราอย่างเต็มกำลังความสามารถ
“สำหรับพวกเรา พรรคเพื่อไทยคือพรรคแห่งความหวัง ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาที่เราอยู่ภายใต้รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ เราสูญเสียโอกาสไปมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเติบโต โอกาสทางเศรษฐกิจ และโอกาสที่เราจะได้อยู่ดีกินดี มีที่ดินทำกิน และส่งมอบโอกาสดีๆ เหล่านั้นให้กับลูกหลาน 4 ปีที่แล้ว เราเคยเลือกผู้แทนฯ ที่ไม่เคยลงพื้นที่ทำงาน ไม่เคยลงรับฟังปัญหาจากประชาชน และสุดท้ายก็กลายเป็นผู้แทนฯ งูเห่า แพร่ขาดงบประมาณ ขาดการพัฒนาอย่างถูกทิศทาง ขาดโอกาสสื่อสารกับรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาของจังหวัดแพร่ วันนี้เราดีใจที่ได้ผู้แทนฯ จากพรรคเพื่อไทย และได้พรรคเพื่อไทยกลับคืนมาอีกครั้ง ดิฉันหวังว่าท่าน ส.ส. และพรรคเพื่อไทยจะไม่ทอดทิ้งเราชาวแพร่เหมือนอย่างที่รัฐบาลก่อนหน้านี้เคยทำมา” ตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมระบุ
ด้านวรวัจน์กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีของเราจังหวัดแพร่ เราผูกพันกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เหตุที่ผูกพันเพราะพรรคเพื่อไทยลงมาพัฒนาและวางรากฐานอาชีพให้กับประชาชนจังหวัดแพร่ จุดแข็งที่สุดของพรรคเพื่อไทยคือการวางรากฐานทางเศรษฐกิจ และเรามั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะทำได้อีกครั้ง เพราะตลอด 9-10 ปีที่ผ่านมา เราถูกทอดทิ้ง ไม่มีงบประมาณอะไรลงมาที่จังหวัดของเราเลย เราขาดการพัฒนาไปช่วงหนึ่ง วันนี้เราจึงดีใจที่เราจะได้เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่อีกครั้ง
ขณะที่เศรษฐากล่าวว่า วันนี้ กกต. ได้รับรอง ส.ส. ของเราแล้ว สมศักดิ์ศรีที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกเข้ามายกจังหวัด เพราะท่าน ส.ส. ใกล้ชิดและดูแลพี่น้องประชาชนอย่างจริงจัง ตนเองได้รับมอบหมายให้มารับฟังปัญหาและวางเป้าหมายเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป หลังจากวันนี้เมื่อมีการรับฟังปัญหาแล้ว อาจจะมีคณะกรรมการย่อยลงมารับฟังปัญหาเฉพาะกลุ่มแบบจริงจังและเจาะลึก เพื่อวางแนวทางการแก้ปัญหาให้ประชาชน ไม่ใช่เพียงมาฟังแล้วจากไป วันนี้ทางพื้นที่ต้องพูดคุยกันก่อน แต่เรายืนยันว่าเราต้องขึ้นค่าแรงให้ประชาชน แต่ต้องขึ้นอย่างเหมาะสมไปพร้อมกับเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น
นอกจากนี้ นโยบายเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่สำคัญ และการขยายสนามบินเป็นสิ่งที่ตนเห็นด้วย แต่สนามบินจะมาได้ เราต้องขยายทั้งธุรกิจและการท่องเที่ยวให้แข็งแรงก่อน อยากให้คนมาแพร่แล้วมาอยู่นานๆ ตนอยากให้แพร่มีมรดกโลก เพราะแพร่มีวัดและสถานที่สำคัญๆ จำนวนมาก วันนี้การท่องเที่ยวกำลังค่อยๆ กลับมาบูม ดังนั้นปัญหาบางอย่างอาจจะต้องให้เวลาเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยเช่นกัน
วันนี้เราเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางอาหาร ในขณะที่หลายๆ ประเทศไม่มีอาหารกิน ถ้าเรามีการแปรรูปหรือเก็บรักษาอาหารด้วยเทคโนโลยีได้ดีอย่างที่แพร่กำลังดำเนินการอยู่นี้ จะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งทางเรามองเห็น ส่วนราคาพลังงานวันนี้เรามีทีมงานศึกษาเรื่องนี้เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนแล้ว อย่างไรก็ตาม แพร่เป็นจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยต้องกลับมาทำงานให้พี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน เพื่อตอบแทนทุกคะแนนที่พี่น้องประชาชนให้เรามาผ่านการเลือกตั้งที่ผลออกมาให้เพื่อไทยยกจังหวัด เราจะกลับมาทำงานร่วมกันกับพี่น้องประชาชน เป็นการทำงานในมิติใหม่ที่พรรคเพื่อไทยจะหาทางแก้ไขปัญหา และทำงานร่วมกันไปกับพี่น้องประชาชน