สิ่งที่ทำให้ แอนดี เมอร์เรย์ รู้สึกเสียใจไม่น้อยเกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาสามารถคว้าแชมป์ในรายการที่เซอร์บิตันมาครองได้ แต่ปรากฏว่าพายุฝนเจ้ากรรมดันถล่มลงมา ทำให้ภรรยาและลูกๆ ของเขาที่ตั้งใจจะเดินทางมาเอาใจช่วยต้องกลับไปก่อน
อดีตมือหนึ่งของโลกจึงต้องฉลองแชมป์ไปคนเดียวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่จะเตรียมตัวสำหรับรายการต่อมาอย่างน็อตติงแฮมโอเพน รายการในระดับเอทีพีชาร์เลนเจอร์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นรองรายการในระดับเอทีพีทัวร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เหตุผลที่ดาวดังอย่างเขาเลือกที่จะมาร่วมแข่งในรายการเล็กๆ แบบนี้นั้นมี 2 อย่างด้วยกัน
หนึ่งคือคอร์ตของรายการนี้ซึ่งแข่งกันที่สนามน็อตติงแฮมเทนนิสเซ็นเตอร์ เป็นคอร์ตหญ้าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับคอร์ตหญ้าในวิมเบิลดันแกรนด์สแลมที่กำลังจะมาถึง ถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีสำหรับอดีตแชมป์ 2 สมัยอย่างเขา
อีกหนึ่งเหตุผลคือ นี่เป็นโอกาสสำหรับเขาที่หากคว้าแชมป์รายการนี้ได้ ก็อาจจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมแข่งขันวิมเบิลดันด้วยการเป็นมือวาง
และเขาทำได้สำเร็จ! ‘นักหวดตะโพกเหล็ก’ คว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่า มันจะเป็นแชมป์เล็กๆ ที่มีความหมายมากที่สุดรายการหนึ่งในชีวิตของเขา
ย้อนกลับไปหลายปีก่อนหน้านี้ โลกของเทนนิสไม่ได้มีเพียงแค่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล หรือ โนวัค ยอโควิช เท่านั้น หากแต่ยังมี แอนดี เมอร์เรย์ นักเทนนิสหนุ่มจากสหราชอาณาจักร ที่เป็นตัวสอดแทรกในการแข่งขันของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่
ในวันเรืองรอง เมอร์เรย์คว้าแกรนด์สแลมมาได้ 3 ครั้ง คือ วิมเบิลดัน (2013 และ 2016) และยูเอสโอเพน (2012)
เขาเคยขึ้นถึงการเป็น ‘มือหนึ่ง’ ของโลกมาแล้วด้วยซ้ำ
เพียงแต่ปัญหาอาการบาดเจ็บรุมเร้า โดยเฉพาะที่สะโพก ได้ส่งผลต่ออนาคตและเส้นทางการเป็นนักเทนนิสของเขาอย่างมหาศาล เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง
อาการนั้นเลวร้ายถึงขั้นที่เจ้าตัวหลั่งน้ำตายอมแพ้ให้กับอาการบาดเจ็บในปี 2019 และคิดที่จะอำลาวงการ พอทุกอย่างไว้แค่นี้
ในการผ่าตัดครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกของเขา โดยฝีมือของคุณหมอซาราห์ มูเฮียร์ด ออลวูด ซึ่งเคยผ่าตัดถวายควีนเอลิซาเบธที่ 2 มาก่อน ความตั้งใจเดิมของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าการกลับมาใช้ชีวิตปกติให้ได้อีกครั้ง ไม่ต้องทนเจ็บปวดจนนอนไม่หลับ ชนิดที่ว่าก้มใส่รองเท้าก็ยังเจ็บ และที่แย่กว่านั้นคือการที่ไม่สามารถเล่นกับลูกได้
เมอร์เรย์กลายเป็นคนเหล็กในความหมายนั้นจริงๆ เพราะที่สะโพกของเขากลายเป็นเหล็กด้วยเทคนิค Hip Resurfacing
แต่ปรากฏว่า หลังการผ่าตัดเมอร์เรย์เริ่มรู้สึกว่านอกจากการที่เขาจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ เขายังน่าจะกลับมาเริ่มเล่นเทนนิสที่เขารักได้อีกครั้งด้วย โดยแอบหวังว่าจะได้กลับมาเล่นในรายการวิมเบิลดันเป็นรายการสุดท้ายของชีวิต
วันเวลาผ่านมา 4 ปีนับจากนั้น เมอร์เรย์ยังคงลงแข่งขันเทนนิสอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผลงานของเขาจะแย่มากกว่าดี แพ้มากกว่าชนะ และไม่อาจเข้าใกล้กับฟอร์มการเล่นเหมือนช่วงที่เคยท็อปพีคที่สุดได้เลยก็ตาม แต่เขาก็ยังคงลงสนามอย่างต่อเนื่อง
ทั้งๆ ที่หากเป็นใครคนอื่นก็อาจตัดใจ ทำใจ และยอมรับว่าถึงเวลาแล้ว
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเมอร์เรย์ที่ยังคงมีไฟลุกโชนในตัวอย่างเต็มเปี่ยม ไม่เพียงแต่ความต้องการที่อยากจะทำให้ได้ใกล้เคียงกับที่เคยทำได้ในอดีต หรืออย่างน้อยได้มีโอกาสลงแข่งขันในรายการระดับแกรนด์สแลมที่เขาคิดถึงเสมอ
อีกหนึ่งเหตุผลลึกๆ คือ ลูกๆ ทั้ง 4 คนของเขา
ทุกครั้งที่กลับจากการแข่งขันเมอร์เรย์จะถูกถามเสมอว่า เมื่อไรพ่อจะเอาถ้วยแชมป์กลับมาด้วย ซึ่งน่าเศร้าที่เขาไม่สามารถเอาถ้วยแชมป์กลับบ้านมาได้บ่อยเหมือนสมัยก่อน
และมันยิ่งทำให้น่าเสียดายซ้ำไปอีก เมื่ออุตส่าห์ได้แชมป์ในการแข่งที่เซอร์บิตันซึ่งอยู่ใกล้บ้านของเขาที่เซอร์เรย์ อันเป็นเหตุผลที่ทำให้ภรรยากระเตงพาลูก 4 คนตัดสินใจแอบพาลูกๆ มานั่งเชียร์ด้วยหลังเห็นพ่อชนะในเซ็ตแรก แต่ปรากฏว่ามาถึงนั่งดูได้ไม่กี่นาทีพายุฝนและสายฟ้าก็ถล่มลงมาอย่างหนัก
เพื่อความปลอดภัย ทุกคนจึงกลับไปที่บ้านอีกครั้งเพื่อชมการแข่งทางทีวีแทน ทำให้ทุกคนไม่ได้อยู่ร่วมกันในโมเมนต์สำคัญ เมื่อเมอร์เรย์อุตส่าห์พิชิต ยูริ โรดิโอนอฟ คู่แข่งชาวออสเตรีย ได้ 2 เซ็ตรวด 6-3 และ 6-2 หลังจากที่ต้องแข่งขันกันยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง เพราะติดพายุฝน
เรื่องนี้ทำให้เมอร์เรย์แอบเสียดายอยู่บ้าง เพราะเขาอยากให้ลูกๆ ได้เห็นพ่อชูถ้วยแชมป์สักครั้ง แต่อย่างน้อยเขาก็เอาถ้วยแชมป์กลับบ้านไปอวดลูกได้
หลังจากรายการที่เซอร์บิตัน เมอร์เรย์จึงตัดสินใจลงแข่งในรายการที่น็อตติงแฮมแทน และเป็นอีกครั้งที่เขารักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ด้วยการตะลุยฝ่ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ
ก่อนที่จะเอาชนะ อาเธอร์ กาโซซ์ นักเทนนิสดาวรุ่ง ได้ในรอบรองชนะเลิศ คว้าแชมป์เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งแม้จะเป็นรายการเล็กๆ แต่ก็ทำให้เขาเข้าใกล้เป้าหมายสำหรับการลุ้นติดมือวางในการแข่งขันวิมเบิลดัน โดยขณะนี้เมอร์เรย์อยู่อันดับที่ 38 ซึ่งหากเขาเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายในรายการที่ควีนส์สัปดาห์นี้ได้ เขาจะได้สิทธิ์นั้น
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เมอร์เรย์ดีใจยิ่งกว่าการได้แชมป์และการได้เข้าใกล้วิมเบิลดันไปอีกขั้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากได้แชมป์
https://twitter.com/bbcsport/status/1670431193077252096?s=46
ในการให้สัมภาษณ์ตามธรรมเนียมหลังจบการแข่งขัน เมอร์เรย์บอกว่า เดี๋ยวเขาจะรีบซิ่งกลับบ้าน เพื่อไปหาลูกๆ ให้ทันก่อนจะถึงเวลาเข้านอน
พูดจบประโยคก็มีเสียงตะโกนที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“เด็กๆ อยู่ที่นี่แล้ว”
เสียงคุ้นๆ นั้นคือ คิม ภรรยาของเขาที่อยู่ด้วยกันกับลูกๆ ทั้ง 4 คน คือ โซเฟีย, เอ็ดดี, เท็ดดี และ โลลา ซึ่งทันทีที่เมอร์เรย์เห็น เขาก็อุทานขึ้นมาทันที “พระเจ้าช่วย ผมไม่รู้เลยว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ด้วย ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะมาที่นี่”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกๆ ทั้ง 4 คนได้เห็นพ่อคว้าแชมป์ด้วยตาของตัวเองในสนาม
สำหรับอดีตมือ 1 ของโลกผู้ยิ่งใหญ่ แชมป์รายการเล็กๆ นี้ได้เติมเต็มความฝันของเขาไปอีกอย่างแล้ว
“ตั้งแต่มีลูก ผมก็ตั้งใจที่จะลงเล่นต่อไปเรื่อยๆ เผื่อว่าจะมีสักวันที่พวกเขาได้มาดูผมในการแข่งเมื่อพวกเขาโตขึ้น ถึงพวกเขาจะไม่ได้สนใจเท่าไรก็เถอะ! แต่การได้เห็นพวกเขามานั่งดูอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ถึงเด็กๆ จะสนใจกับการไปกิน McDonald’s กันหลังแข่งมากกว่าก็เถอะ”
ความพิเศษเล็กๆ อีกนิดคือ วันที่ได้แชมป์ยังเป็น ‘วันพ่อ’ พอดีด้วย
ไม่รู้ทุกคนได้ฉลองแชมป์ควบฉลองวันพ่อด้วยแฮปปี้มีลกันไหม อาจจะใช่ก็ได้นะ 🙂
อ้างอิง: