ความสำคัญของ คีเลียน เอ็มบัปเป กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง นั้นมากในระดับไหน?
ก็เพียงแค่คนที่ต่อสายตรงเข้ามาถึงเจ้าตัวเพื่อช่วยเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนใจอยู่ในปารีสต่อไปคือ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เท่านั้นเอง
เรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วและเป็นหนึ่งในเรื่องราวสุดช็อก เพราะในเวลานั้นทุกคนเชื่อว่ากองหน้ามหัศจรรย์ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าจะก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของโลกได้อย่างแน่นอน หลังสิ้นยุคของ คริสเตียโน โรนัลโด และ ลิโอเนล เมสซี น่าจะเก็บข้าวของเพื่อไปตามความฝันของตัวเองที่เรอัล มาดริด ทีมเก่าของ ‘CR7’ ผู้เป็นฮีโร่ในดวงใจ
สุดท้ายเอ็มบัปเปตัดสินใจที่จะยอมต่อสัญญาฉบับใหม่กับเปแอสเช เพื่ออยู่ในถิ่นปาร์ค เดส์ แพรงซ์ ต่อไป พร้อมกับชูเสื้อที่มีหมายเลขข้างหลังว่า ‘2025’ ซึ่งเป็นระยะเวลาตามสัญญาที่ตกลงกันไว้
แต่ตอนนี้ผ่านมาถึงแค่ปี 2023 ดูเหมือนอนาคตของเอ็มบัปเปกับเปแอสเชอาจจะไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกันแน่กับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายทั้งหน้าฉากและหลังฉาก และเรื่องราวจะดำเนินไปสู่จุดไหนได้บ้าง?
ในฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยข่าวการย้ายทีมอันน่าตื่นเต้นมากมายของซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง ซึ่งต่อจากลิโอเนล เมสซี ที่เลือกปลายทางชีวิตการเล่นที่สหรัฐอเมริกา ล่าสุดคือ จูด เบลลิงแฮม กองกลางพรสวรรค์วัย 19 ปีที่ย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ตามความคาดหมาย
ชื่อของเอ็มบัปเปกลับมาปรากฏในตลาดนักเตะอีกครั้งแบบไม่มีใครได้ตั้งตัว
เรื่องราวเริ่มจากกระแสข่าวสะพัดว่ากองหน้าวัย 24 ปี ได้แจ้งต่อเปแอสเชว่าเขาไม่ต้องการที่จะใช้เงื่อนไขในการขยายสัญญา 1 ปีตามที่เซ็นไว้ และจะขออยู่กับสโมสรจนถึงแค่จบฤดูกาลหน้าคือ 2023/24 เท่านั้น
โดยสิ่งที่เป็นประเด็นใหญ่ที่สุดคือเรื่องนี้ไปถึงมือของนักข่าวก่อนผู้บริหารของทีมเปแอสเช ซึ่งรวมถึง นาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสโมสร จะรู้เรื่องราวด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะมันตีความได้เพียงนัยเดียวว่าเอ็มบัปเปกำลังเดินเกมเพื่อที่จะบีบให้เปแอสเชตัดสินใจว่าจะขายเขาออกจากทีมในฤดูร้อนนี้ หรือจะรอไปอีกหนึ่งปีเพื่อที่จะยอมเสียเขาไปแบบฟรีๆ ในฤดูร้อนหน้า
ท่าทีของเปแอสเชตามกระแสข่าวที่ออกมาคือ พวกเขาไม่มีวันที่จะยอมเสียนักเตะที่ลงทุนลงแรงไปมากมายมหาศาลรายนี้ไปแบบฟรีๆ อย่างแน่นอน ซึ่งก็มีชื่อของเรอัล มาดริด ทีมเก่าที่กลับมาเชื่อมโยงด้วยอีกครั้ง
มาดริดนั้นแม้จะเพิ่งได้เบลลิงแฮมมาร่วมทีม แต่สำหรับพวกเขา – โดยเฉพาะ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรผู้ยิ่งใหญ่ – เอ็มบัปเปต่างหากที่เป็นนักเตะที่เขาปรารถนามาโดยตลอด เพราะนี่แหละคือ ‘Galactico’ ตัวจริงที่สะท้อน Identity ของสโมสร ซึ่งเป็นสิ่งที่ วินิซิอุส จูเนียร์, โรดริโก, เอดูอาร์โด คามาแวงกา, โอเรเลียง ชูอาเมนี, เฟเดริโก วัลเวร์เด หรือเบลลิงแฮม เป็นไม่ได้
อีกทั้งพวกเขาเพิ่งจะเสีย คาริม เบนเซมา หัวหอกระดับตำนานผู้แบกทีมมาหลายปีนับตั้งแต่ที่โรนัลโดไปจากสโมสรเมื่อปี 2018 ที่ขอย้ายไปร่ำรวยกับอัล-อิตติฮัด ในซาอุดีอาระเบียแทน
เอ็มบัปเปจึงเป็นตัวตายตัวแทนที่เหมาะเจาะที่สุดแล้ว
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการที่กองหน้าความเร็วระดับสายฟ้าออกมาปฏิเสธกระแสข่าวลือกับเรอัล มาดริด ด้วยตนเองผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย
“โกหก” เอ็มบัปเปยืนยัน พร้อมย้ำว่าเขา “มีความสุขมาก” ที่สโมสร ส่วนเรื่องเอกสารที่หลุดไปนั้นก็ไม่ได้มีอะไร เพราะเป็นสิ่งที่แจ้งต่อสโมสรไปด้วยวาจาตั้งแต่หลังการเซ็นสัญญาเมื่อปีที่แล้ว และส่งไปย้ำว่าเขายังคงต้องการที่จะไม่ขยายสัญญาตามออปชัน
สิ่งที่น่าสนใจคือในจดหมายที่สื่อได้รับนั้นลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2022 แต่เพิ่งจะส่งถึงสโมสรในสัปดาห์นี้ (และได้รับหลังสื่อด้วย)
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงถูกจับตามองอย่างมาก เพราะดูแล้วเป็นการกดดันสโมสรอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับสโมสรที่เชื่อว่าพวกเขามีอำนาจมหาศาลในการต่อรองเหนือทุกคน ชนิดที่อยากได้ใครก็ต้องได้ อยากให้ใครอยู่ก็ต้องอยู่
หลังฉากนั้น เชื่อกันมาตลอดว่าเรอัล มาดริด และเอ็มบัปเปน่าจะพูดคุยกัน และกองหน้าชาวฝรั่งเศสน่าจะได้ให้ ‘คำมั่น’ กับทางด้านเปเรซ ว่าเขาจะย้ายมาสวมชุดขาวลงเล่นในซานติเอโก เบอร์นาบิว อย่างแน่นอน แม้ว่าเมื่อปีกลายจะคลาดกันแบบน่าผิดหวัง และแอบคิดว่าจะมีการผิดใจกันหรือไม่ก็ตาม
ขณะที่การส่งจดหมายให้กับสื่อเพื่อเล่นข่าวก่อนจะส่งให้สโมสรนั้น เป็นความพยายามที่จะทำลายภาพลักษณ์ของเปแอสเชและสร้างปมขัดแย้งในการเจรจากับสโมสรขึ้น
ปมขัดแย้งนี้ทำให้ทุกอย่างยากกว่าเดิม และเกมได้เปลี่ยนจากอยู่ในมือของเปแอสเชมาเป็นอยู่ในมือของเอ็มบัปเปแทน
ในใจลึกๆ แล้วเปแอสเชเองตระหนักดีว่าพวกเขาไม่สามารถจะเก็บเอ็มบัปเปไว้กับทีมได้ตลอดไป และสักวันนักเตะจะย้ายออกจากทีม ซึ่งก็พร้อมจะเปิดทางให้ แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีการบีบและกดดันสโมสรให้ตัดสินใจเรื่องยากในลักษณะนี้
เพราะตลอดมาเปแอสเชลงทุนกับเอ็มบัปเปไปไม่น้อย ทั้งค่าเหนื่อยและค่าตัวรวมแล้วเกินกว่า 500 ล้านดอลลาร์
เฉพาะค่าขยับมือเซ็นชื่อในสัญญาฉบับใหม่เมื่อปีกลายก็มีมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์แล้ว
ดังนั้นเปแอสเชซึ่งไม่ใช่นายทุนที่ซื่อบื้อ ย่อมไม่อยากจะเสียเพชรเม็ดงามของพวกเขาไปแบบฟรีๆ อย่างแน่นอน พวกเขาต้องได้อะไรกลับมาจากเอ็มบัปเปไม่ว่าจะเท่าไรก็ตาม
แต่ดูเหมือนพวกเขาจะต้องขบคิดหนัก เพราะเรอัล มาดริด เองไม่ได้มีท่าทีว่าพวกเขาต้องการเอ็มบัปเปในเวลานี้ โดยทางด้านเปเรซได้ตอบคำถามต่อแฟนบอลที่สอบถามเรื่องนี้ว่า ถึงจะอยากได้ตัวมาร่วมทีม “แต่ไม่ใช่ปีนี้”
มันจะสอดคล้องพอดีกับเอ็มบัปเปที่จะหมดสัญญาและสามารถย้ายทีมได้อย่างอิสระในฤดูร้อนปีหน้า ซึ่งดูแล้วทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะอดทนเพื่อรอเวลาอีก 1 ปีโดยไม่รีบร้อน
ขณะที่เปแอสเชเหลือเวลาถึงแค่สิ้นสุดตลาดการซื้อขายรอบฤดูร้อนในการที่จะขายเอ็มบัปเปออกไปเพื่อให้ได้เงินกลับคืนมาบ้าง ถ้าช้ากว่านั้นคือต้องทำใจแล้วว่าพวกเขาจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยจากนักเตะที่ควรจะมีค่าตัวแพงที่สุดในโลกหากย้ายทีม
เรียกได้ว่าถ้าเป็นหมากรุกตอนนี้เปแอสเชถูก ‘รุกฆาต’
ทางออกที่สวยที่สุดสำหรับพวกเขาคือการเกลี้ยกล่อมเอ็มบัปเปอีกครั้งให้ต่อสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นกรณีเดียวที่สโมสรจะยอมเก็บเขาไว้กับทีม ซึ่งทางฝ่ายบริหารรวมถึงอัล เคไลฟี ประธานสโมสร ได้พูดคุยกับ ฟายซา ลามารี แม่ของเอ็มบัปเปเพื่อช่วยกล่อม รวมถึงฝ่ายบริหารก็มีความพยายามติดต่อพูดคุยกับทางนักเตะด้วย
เพียงแต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีใครเปลี่ยนใจเอ็มบัปเปได้แล้ว และทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขา
จะอยู่ก็ได้ ไม่มีปัญหา พร้อมรอย้ายแบบอิสระ
จะไปก็ได้ ไม่ใช่ปัญหา
โดยที่เขาสามารถเลือกได้ด้วยว่าเป็นทีมไหน ถ้าไม่ใช่เรอัล มาดริด ก็อาจจะไม่ยอมย้ายก็ได้ หลังเริ่มมีกระแสข่าวว่ามีทีมพรีเมียร์ลีกติดต่อเข้ามา ซึ่งด้วยค่าตัวและค่าเหนื่อยแล้วก็มีไม่กี่ทีมที่พร้อม
และไม่รู้ว่าคราวนี้ต่อให้เป็นมาครง – ซึ่งบอกเป็นนัยว่าอาจจะพยายามช่วยอีกสักครั้ง – ต่อสายเข้ามาอีกที จะสามารถเปลี่ยนใจเขาได้หรือเปล่า
อ้างอิง: