วันนี้ (12 มิถุนายน) ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร พล.ต.ต. นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดรวบรวมสำนวนคดี แอม-สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ ผู้ต้องหาในคดีวางยาฆาตกรรมด้วยยาพิษไซยาไนด์จำนวน 15 คดี พร้อมด้วย พ.ต.อ. พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และทีมพนักงานสอบสวนจากพื้นที่ 7 จังหวัด เข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา
มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และทำสำนวนทางดคีทั้งหมด 15 คดี ในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดนครปฐม, สมุทรสาคร, กาญจนบุรี, เพชรบุรี, ราชบุรี, อุดรธานี และมุกดาหาร ซึ่งตำรวจจะแจ้งเพิ่มเติมในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย
ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองฯ และปลอมแปลงเอกสาร ในคดีของ ก้อย-ศิริพร ขันวงษ์ ไว้แล้ว ก่อนจะมีการสอบสวนขยายผลพบการกระทำผิดเพิ่มในหลายท้องที่ จึงรวบรวมพยานหลักฐานและการสอบสวนทางคดี ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมรวม 15 คดี คดีละ 3-5 ข้อหา ประกอบด้วย
มาตรา 236 ผู้ใดปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขาย สิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้ (ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
มาตรา 289(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น (ต้องระวางโทษประหารชีวิต)
มาตรา 289(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ (ต้องระวางโทษประหารชีวิต)
มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย (ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 2 แสนบาท) และความผิดตาม พรบ.วัตถุอันตราย
ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาที่ทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อติดตามคดี และให้สัมภาษณ์ว่า ในคดีนี้ตำรวจมีหลักฐานเชื่อมโยงทั้งหมด จะมีกี่ข้อหาก็ตาม จากประสบการณ์ของตน ข้อหาที่แจ้งไปมีอัตราโทษประหารชีวิตทั้งหมด เพียงการกระทำเดียวก็ประหารชีวิตแล้ว ไม่จำเป็นว่าจะต้องแจ้งกี่ข้อหา
ส่วนเหตุลดโทษตนเชื่อว่าสรารัตน์จะไปรับสารภาพในชั้นศาล ให้ลดโทษจากประหารชีวิตเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ตนไม่สามารถตอบแทนศาลได้ ตราบใดที่ศาลยังไม่พิจารณาจนถึงที่สุดผู้นั้นจะยังบริสุทธิ์ แต่การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนในวันนี้มีเพียงพอที่จะส่งฟ้องผู้ต้องหา หลังจากที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วก็จะมีการเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวนทั้งหมด เพื่อส่งพนักงานอัยการภายในวันศุกร์ที่ 16 มิถุนายนนี้
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขอชมเชยคณะพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนทั้งหมด ที่สามารถสรุปสำนวนคดีส่งอัยการฝากขังผัดที่ 4 ทำให้อัยการมีเวลาดูสำนวนอย่างละเอียดอีก 3 ผัด เพื่อให้เวลาอัยการกลั่นกรองสำนวนถึงความรอบคอบในสำนวนคดี ซึ่งตนไม่มีความหนักใจในเรื่องนี้
หลังจากนี้ก็จะต้องดำเนินคดีกับผู้ซื้อ, ผู้จำหน่าย, เทรดเดอร์, โรงงานต่างๆ และเจ้าหน้าที่รัฐ หากพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับสารไซยาไนด์ หากเกี่ยวกับกรมโรงงาน ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน กับอีกส่วนคือ เรื่องของเว็บการพนันที่ต้องดำเนินคดีกับผู้เล่นทั้งหมด ทั้งต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินและดำเนินคดีกับเจ้าของเว็บพนันอีกด้วย เพื่อให้สำนวนคดีเสร็จสิ้นการสอบสวนทุกรูปแบบ
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการแจ้งข้อหา พ.ต.ท. วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีแอม และ ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือทนายพัช ก็จะส่งสำนวนให้อัยการพร้อมกับสำนวนคดีของสรารัตน์ภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน