ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมความมั่นคง Shangri-La Dialogue ที่สิงคโปร์วันนี้ (3 มิถุนายน) โดยแสดงความกังวลอย่างยิ่ง ต่อการที่จีนไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการจัดการวิกฤตทางทหาร พร้อมทั้งเตือนว่าการเจรจาคือกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
ท่าทีของลอยด์มีขึ้นหลังความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน อยู่ในจุดตกต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากความขัดแย้งและแบ่งแยกร้าวลึกในหลายกรณี อาทิ อำนาจอธิปไตยของไต้หวัน ไปจนถึงเรื่องการจารกรรมข้อมูลและข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้
ขณะที่ออสตินกล่าวยืนยันต่อที่ประชุมว่า “การสื่อสารแบบเปิดระหว่างกระทรวงกลาโหมและผู้นำทางทหารของสหรัฐฯ และจีนนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและส่งเสริมเสถียรภาพในเอเชีย-แปซิฟิก
“ผมกังวลอย่างยิ่งว่าจีนไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างจริงจังมากขึ้น เกี่ยวกับกลไกที่ดีกว่าสำหรับการจัดการวิกฤตระหว่างกองทัพของเราทั้งสอง ยิ่งเราพูดคุยกันมากเท่าไร เรายิ่งสามารถหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด และการคำนวณที่ผิดพลาดอันอาจนำไปสู่วิกฤตหรือความขัดแย้งได้” เขากล่าว
ก่อนหน้านี้ พล.อ. หลี่ฉางฟู่ (Li Shangfu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน ซึ่งถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธคำเชิญหารือทวิภาคีกับออสติน ระหว่างการประชุม Shangri-La Dialogue
โดยเพนตากอนเผยว่า ทั้งสองรัฐมนตรีได้จับมือกันนอกรอบการประชุม แต่ไม่ได้มีการหารือกันอย่างละเอียด
ขณะที่ออสตินกล่าวว่า “การจับมืออย่างจริงใจระหว่างมื้ออาหารค่ำ ไม่สามารถทดแทนการมีส่วนร่วมที่สำคัญได้” พร้อมเน้นย้ำว่า “สหรัฐฯ ไม่ต้องการแสวงหาสงครามเย็นครั้งใหม่ และการแข่งขันระหว่างทั้ง 2 ประเทศ จะต้องไม่ลุกลามไปสู่ความขัดแย้ง”
ด้าน หลิวเผิงหยู (Liu Pengyu) โฆษกสถานทูตจีน ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เผยแพร่แถลงการณ์ทางอีเมลวานนี้ (2 มิถุนายน) ระบุว่าการสื่อสารระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะนำมาซึ่งความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สหรัฐฯ บอกว่าต้องการพูดคุยกับฝ่ายจีน ในขณะที่ยังพยายามปราบปรามจีนด้วยทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ และยังดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ หน่วยงานและบริษัทของจีนต่อไป” แถลงการณ์ระบุ พร้อมตั้งคำถามว่า
“มีความจริงใจและนัยสำคัญของการสื่อสารใด เป็นแบบนี้ไหม?”
ภาพ: Roslan Rahman / AFP
อ้างอิง: