×

เลือกตั้ง 2566 : ทำไมรัฐบาลชุดใหม่ต้องปฏิรูปวงการตำรวจ หลังปมร้อน ‘ส่วยสติกเกอร์’

01.06.2023
  • LOADING...
ปฏิรูปตำรวจ

หลังจาก วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แกนนำพรรคก้าวไกล และว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ รวมทั้งสมาคมขนส่งทางบก ออกมาเปิดโปงการหากินผ่านสัญลักษณ์ ‘ส่วยสติกเกอร์’ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่ในเวลาต่อมาทาง พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ในทันที แต่การดำเนินการก็ยังไม่ได้คลายความกังวลของประชาชน 

 

นี่เป็นเพียงหนึ่งประเด็น เพราะหลายปีที่ผ่านมายังคงมีหลากหลายปัญหาที่ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย ไม่เชื่อมั่น และอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งการซื้อขายตำแหน่ง (ตั๋วช้าง) การรีดไถ รับสินบน ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฯลฯ แล้วว่าที่รัฐบาลชุดใหม่จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร THE STANDARD ชวนมาหาคำตอบ

 

เปิดโปงการทุจริตวงการตำรวจกลางสภา

  • วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2664 รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็น ‘ตั๋วช้าง’ หรือการซื้อขายตำแหน่งหน้าที่หรือการวิ่งเต้นเป็นที่รู้กันอย่างเปิดเผยในวงการตำรวจตั้งแต่ระดับชั้นสัญญาบัตรลงมาถึงระดับชั้นประทวน โดย พล.ต.ต. วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งว่า ถ้าไม่มีผู้ใหญ่สนับสนุนช่วยเหลือ ก็จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ตำแหน่งระดับที่ตนเองต้องการ แต่หากมี ‘ตั๋ว’ ราคาที่ต้องจ่ายจะถูกลง โดยตั๋วช้างเป็นตั๋วในวงการตำรวจที่ใหญ่ที่มีอำนาจมากที่สุด ทรงพลัง เว้นหลักเกณฑ์ได้ทุกแบบ ไม่ต้องพิจารณาประวัติผู้ที่ขอว่าเคยมีมลทินหรือไม่

 

  • วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 มนพร เจริญศรี ส.ส. จังหวัดนครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ, พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในประเด็น ‘การแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล’ สถิติการแพร่ระบาดของยาเสพติดเพิ่มสูงขึ้น การซื้อขายกันง่ายมากขึ้น โดยมีการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ เยาวชนเข้าถึงยาเสพติดด้วยราคาที่ถูก เข้าถึงง่ายยิ่งกว่าซื้อขนม พร้อมชี้ว่าจากรัฐประหารมีจำนวนผู้เสพยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นจาก 90,000 คนเป็น 230,000 คน คิดเป็นร้อยละ 81 ของนักโทษ และมีการอมของหลวงจากปากตำรวจชั้นผู้น้อยเป็นคนเดินสายเก็บเงินทอนยาเสพติด รวมถึงผลประโยชน์จากการยึดทรัพย์เอื้อให้พวกพ้องและสินบนนำจับที่ไม่ถึงผู้ปฏิบัติงานจริง 

 

  • วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็น ‘ทุนจีนสีเทาและพม่าเทา’ ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ลุกลามอยู่ในอนุภูมิภาคนี้มานานมากกว่า 10 ปี และเป้าหมายคือการกอบโกยจากประชาชนชาวไทยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขณะที่หลายกลุ่มถึงกับทะลุเข้ามาถึงภายในประเทศ เปิดบ่อนการพนัน เปิดตลาดยาเสพติด ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือโฆษณาหลอกลวงต่างๆ สารพัด ไปจนถึงค้ามนุษย์และค้าประเวณี

 

ปัญหาสะสมสู่การแฉ ‘ส่วยสติกเกอร์’

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แกนนำพรรคก้าวไกล และว่าที่ ส.ส. ได้ตั้งคำถามถึงสติกเกอร์รูปพระอาทิตย์, แอปเปิ้ล, ผีตาโขน พร้อมกับเลขไทยหรือข้อความ เช่น ฐิ หรือ รักเมืองไทย ที่ติดรถบรรทุก โดยมีประชาชนและกองเชียร์พรรคก้าวไกลได้ออกมาตอบข้อสงสัยถึงสติกเกอร์ดังกล่าวว่าคือ ‘ส่วยทางหลวง’

 

หลังจากนั้น วิโรจน์ได้พุ่งเป้าถึงเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงพร้อมทั้งกระตุ้นผู้คนในสังคมให้จับตาประเด็น ‘ส่วยสติกเกอร์’ ทำให้วันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้บัญชาการสอบสวนกลางลงนามให้ พล.ต.ต. เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม และแต่งตั้ง พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) มารักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ในขณะเดียวกันผู้บัญชาการสอบสวนกลางและผู้บริหารระดับสูงของกรมทางหลวงเร่งสอบสวนส่วยสติกเกอร์ และรายงานให้ทางองค์กรทราบภายใน 15 วัน

 

ทั้งนี้หลังจากรายงานการสั่งย้ายปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.ต. เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของตน ใจความว่า “รากฐานของ ‘สติกเกอร์ส่วยทางหลวง’ คือระบบตั๋วในวงราชการที่รัฐบาล ‘พิธา’ จะจัดการให้ได้” พร้อมกับรูปภาพประกอบ ‘มีเราไม่มีส่วย’

 

รังสิมันต์ยังระบุด้วยว่า จากข้อมูลจากสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ กรมทางหลวง รายงานสถิติเรื่องร้องเรียนรถบรรทุกเกินน้ำหนักตั้งแต่ปี 2563-2566 จับรถบรรทุกน้ำหนักเกินได้ 468 คัน และเรื่องร้องเรียนทั้งหมดกว่า 1,500 เรื่อง แสดงให้เห็นว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางหลวงไม่เข้มข้นและสติกเกอร์ส่วยติดรถบรรทุกเกิน 500 คัน จนเป็นสาเหตุของการทุจริตคอร์รัปชันในวงการตำรวจจนเป็นสาเหตุในการที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเข้ามาปฏิรูปแก้ไข

 

ปัญหาโครงสร้างการบริหารองค์กรตำรวจไทย

จากผลจากวิจัย สภาพปัญหา และแนวทางการแก้ไขโครงสร้างการบริหารองค์กรตำรวจไทยในปัจจุบันของ ‘ผศ.ชัยยุทธ ถาวรานุรักษ์’ รองคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและสื่อสารองค์กร วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งศึกษาและนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาองค์กรตำรวจไทย ระบุ 5 ประเด็นสำคัญของปัญหาคือ

  • โครงสร้างแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลางทำให้การบริหารงานในองค์กรตำรวจไทยไม่มีประสิทธิภาพ 
  • โครงสร้างภาระงานของตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมมีปริมาณมาก ส่งผลให้การปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ 
  • โครงสร้างคณะกรรมการตรวจสอบและถ่วงดุลใช้อำนาจของตำรวจที่ขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน ส่งผลต่อการบริหารกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย 
  • การบริหารสถานีตำรวจที่ขาดประสิทธิภาพส่งผลต่อการบริการประชาชนที่ไม่มีประสิทธิผล 
  • โครงสร้างงานสอบสวนที่ไม่เป็นอิสระสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนด้านการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

 

นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่เพื่อแก้ไขวงการตำรวจ

ผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยได้ว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ 8 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคก้าวไกล, พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาชาติ, พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคเป็นธรรม, พรรคเพื่อไทรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ โดยนโยบายของพรรคการเมืองเหล่านี้ มีนโยบายไปในทิศทางเดียวกันที่ต้องการเห็น ‘การปฏิรูปตำรวจ’ อย่างเข้มข้น

 

พรรคก้าวไกล

  • ยกเครื่องประเมินข้าราชการ 
  • ผบ.ตร. ยึดโยงประชาชน 
  • จังหวัด-ตำรวจ ร่วมรับใช้ประชาชน 
  • ผู้ตรวจการตำรวจ ประชาชนมีช่องร้องเรียนตำรวจ 
  • คืนผมให้ตำรวจ ไม่บังคับเกรียน 
  • เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรม ปราศจากตั๋ว-เส้นสาย 
  • ตำรวจหญิงทุกสถานี เติบโตเป็น ผบ.ตร. ได้ 
  • ลดภาระพนักงานสอบสวน แบ่งงานให้ตำรวจสายอื่น

 

พรรคเพื่อไทย

  • ปัญหายาเสพติดต้องประกาศเป็นวาระแห่งชาติ 
  • ปฏิรูปตำรวจที่ล่าช้า

 

พรรคเสรีรวมไทย

  • เลิกระบบซื้อขายตำแหน่ง แต่งตั้ง โยกย้ายตำรวจทุกระดับ 
  • เด็ดขาดกับการกำกับให้ทุกโรงพักต้องไม่มีส่วย
  • บ่อน ซ่อง และยาเสพติด หากพื้นที่ใดมีถือเป็นความผิด ถูกพักราชการและดำเนินคดีอาญาหากรับประโยชน์จากธุรกิจสีเทา 
  • พัฒนาการใช้เทคโนโลยีในการทำงานของตำรวจ 
  • เพิ่มสิทธิสวัสดิการให้แก่ตำรวจชั้นผู้น้อย

 

พรรคประชาชาติ

  • ขจัดโกงและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน 
  • แก้ปัญหายาเสพติด ปัญหาภาคใต้

 

พรรคไทยสร้างไทย

  • ทลายระบบอุปถัมภ์ในวงการตำรวจ 
  • ตรวจสอบการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 
  • แก้ปัญหายาเสพติด 
  • ปิดคดีให้ได้ภายใน 1 เดือน 
  • เพิ่มปริมาณตำรวจหญิง

 

พรรคเป็นธรรม

  • ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
  • ยุบ ศอ.บต. และ กอ.รมน.

 

แนวทางการปฏิรูปวงการตำรวจของรัฐบาลใหม่ที่ต้องทำทันที

จากผลจากวิจัยฯ ของ ‘ผศ.ชัยยุทธ’ ยังระบุถึง 5 แนวทางในการแก้ไข ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่

 

  • การปฏิรูปการบริหารองค์กรตำรวจไทยจากโครงสร้างแบบรวมศูนย์อำนาจมาเป็นการกระจายอำนาจ
  • การโอนถ่ายภาระงานของตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมโดยตรงไปให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ
  • การจัดตั้งคณะกรรมการอิสระรับเรื่องราวร้องทุกข์และจ่ายค่าชดเชยจากการกระทำของตำรวจ โดยมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นสำคัญ ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาการตรวจสอบถ่วงดุลในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ
  • การยกระดับโครงสร้างสถานีตำรวจให้เป็นเลิศด้านการบริการประชาชน
  • การแยกระบบงานสอบสวนเป็นองค์กรอิสระจะลดการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ และทำให้ประชาชนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

   

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising