×

Ted Lasso กับการสร้างโลกที่เราอยากเห็นผ่านซีรีส์ทีมฟุตบอล

30.05.2023
  • LOADING...
Ted Lasso

HIGHLIGHTS

8 MIN READ
  • ซีรีส์ Ted Lasso เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโค้ชฟุตบอลจากสหรัฐฯ ที่ย้ายข้ามทวีปมาคุมทีมฟุตบอล AFC Richmond ในประเทศอังกฤษ 
  • จากเรื่องราวที่เริ่มต้นจากความตลกของโค้ชชาวอเมริกันที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับฟุตบอลและวัฒนธรรมของกีฬาในอังกฤษ กลับกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่นำเสนอแง่มุมที่อบอุ่นของโลกกีฬาออกมาได้อย่างน่าประทับใจ 
  • Jason Sudeikis ได้กล่าวถึงความตั้งใจกับซีรีส์ Ted Lasso ไว้ว่า เขาต้องการจะสร้างโลกที่เขาอยากเห็นผ่านตัวละคร Ted Lasso 
  • โดยต้องการให้ทีมฟุตบอลเต็มไปด้วยการมองโลกในแง่ดี การเห็นอกเห็นใจ การสนับสนุนกันและกัน การทำงานเป็นทีม และการไม่ทิ้งใครให้ต้องเสียใจหรือโดดเดี่ยวในทีมสมมติที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

 

หมายเหตุ: บทความเปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์ Ted Lasso 

 

 

 

ตอนแรกที่ผมได้ยินเรื่อง Ted Lasso ผมยอมรับว่าสิ่งแรกที่คิดคือซีรีส์ตลกที่คงจะนำเสนอตัวละครหลัก Ted Lasso โค้ชชาวอเมริกันที่มาคุมทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอย่าง AFC Richmond และคงเต็มไปด้วยการจิกกัด ความต่างทางวัฒนธรรมของอเมริกันเกมอย่างอเมริกันฟุตบอล กับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า Soccer ที่ตรงกันข้ามกับวัฒนธรรมฟุตบอลในอังกฤษ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดของโลกฟุตบอลสมัยใหม่ และเป็นบ้านของพรีเมียร์ลีก ลีกฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก 

 

ภาพ: Apple 

 

แต่พอดูมาจนถึงวันนี้ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ตอนที่อาจเป็นตอนสุดท้ายของซีรีส์ในวันพุธที่ 31 พฤษภาคมนี้ ผมยอมรับว่า Jason Sudeikis นักแสดงนำ และทีมงาน ได้นำเสนอเรื่องราวของ Ted ตลอด 3 ซีซันที่ผ่านมาได้อย่างน่าประทับใจ มากกว่าเพียงแค่ความบันเทิงทุกวันพุธ 

 

เพราะนี่คือการนำเสนอคุณค่าของโลกกีฬาออกมาได้อย่างน่าสนใจ 

 

I Started a Joke จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโค้ชอเมริกันฟุตบอลมาคุมทีมพรีเมียร์ลีก 

 

ภาพ: Apple  

 

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวคือการที่สโมสร AFC Richmond สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังประสบปัญหาอย่างหนักในการต่อสู้เพื่ออยู่ในลีกต่อไปในฤดูกาลหน้า 

 

พร้อมกับปัญหาภายในที่เจ้าของทีม Rupert Mannion (นำแสดงโดย Anthony Head) กับ Rebecca Welton (นำแสดงโดย Hannah Waddingham) ภรรยา ที่หย่าร้างกัน และได้สิทธิ์การเป็นเจ้าของสโมสร ได้ตัดสินใจนำเอา Ted Lasso โค้ชอเมริกันฟุตบอลเข้ามาคุมทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 

 

ซึ่งจุดเริ่มต้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดหวัง Ted เจอกับวัฒนธรรมฟุตบอลของอังกฤษ ตั้งแต่ห้องแถลงข่าวที่โดยวิจารณ์อย่างหนักจากสื่ออังกฤษ โดยเฉพาะ Trent Crimm (นำแสดงโดย James Lance) จาก The Independent ที่ต้องการนำเสนอเรื่องราวความพังพินาศของสโมสรที่ตัดสินใจเอาคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับฟุตบอลในอังกฤษ มาคุมสโมสรในลีกระดับสูงสุดของอังกฤษ 

 

แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปในซีซันแรก ช่วงที่เราได้ผ่านการตั้งคำถามจาก Ted ว่า

 

“ล้ำหน้าคืออะไร” 

 

กับ 

 

“ทำไมอเมริกันเกมไม่มีการตกชั้นเหมือนฟุตบอลลีกอังกฤษ” 

 

ปมต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในการบริหารจัดการสโมสรฟุตบอลที่มากกว่าแค่ 90 นาทีในสนามก็เริ่มต้นขึ้น 

 

ความสำเร็จไม่ใช่แค่แพ้-ชนะ แต่เป็นการช่วยให้นักเตะเหล่านี้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดทั้งในและนอกสนาม

 

ภาพ: Apple 

 

การทำทีมของ Ted แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับฟุตบอลและวัฒนธรรมฟุตบอลในอังกฤษ แต่สิ่งที่ Ted รู้คือการสร้างสิ่งที่เรียกว่าทีมขึ้นมา ผ่านความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจความต้องการของทุกคนในทีม

 

ฉากที่ประทับใจที่สุดของปรัชญาการทำงานของ Ted คือสิ่งที่เขาได้ตอบคำถาม Trent Crimm ที่กล่าวว่า สิ่งที่ Ted คนที่ดูไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย กำลังทำกับสโมสรที่มีความหมายต่อผู้คนในชุมชนเป็นเรื่องที่ผิด 

 

Ted กลับตอบว่า “คุณรักอะไรที่สุด เขียนใช่ไหม เพราะคุณทำได้ดี 

 

“แต่สำหรับผม ผมรักการเป็นโค้ช เพราะความสำเร็จสำหรับผมไม่ใช่ความพ่ายแพ้หรือชัยชนะ แต่เป็นการช่วยให้ชายหนุ่มเหล่านี้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองทั้งในและนอกสนาม นี่ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ก็เหมือนกับการเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวคุณ”

 

ภาพ: Apple  

 

ซึ่งประโยคนี้กลับมาปรากฏอีกครั้ง แต่กลายเป็นโค้ชฟุตบอลอาชีพจริงๆ ที่มาร่วมแสดงในตอนที่ 11 ของซีซัน 3 

 

คนคนนั้นคือ Pep Guardiola กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปรากฏตัวในเกมที่ AFC Richmond เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 2-1 ในเกมก่อนสุดท้ายของฤดูกาล 

 

หลังจากที่ Ted กล่าวชื่นชม Pep ว่าคุณเป็นโค้ชที่เอาชนะยากมาก 

 

Pep ก็ได้กล่าวตอบกลับว่า “ไม่ต้องห่วงผลแพ้-ชนะ คุณแค่ต้องช่วยให้นักเตะเหล่านี้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกเขาเองทั้งในและนอกสนาม นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด” 

 

ซึ่ง Pep ได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาคือแฟนรายการตัวยง  “ครอบครัวของเรา ลูกสาวของผม และภรรยา เราชอบรายการนี้มาก เราเป็นแฟนรายการ และเมื่อพวกเขาเสนอให้ผมมาร่วม ผมก็ตอบรับ เพื่อจะได้พบกับนักแสดง เราเองก็ภูมิใจที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้” Pep กล่าวผ่านงานแถลงข่าว 

 

นอกจาก Pep Ted ยังได้เชิญอดีตนักเตะระดับตำนานทั้ง Gary Lineker, Thierry Henry มาร่วมแสดง ไปจนถึงตัวละครหลายคน ทั้ง Roy Kent (นำแสดงโดย Brett Goldstein) ก็นำลักษณะของตัวละคร มาจาก Roy Keane ตำนานกองกลางตัวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, Jamie Tartt (นำแสดงโดย Phil Dunster) นำมาจาก Jack Grealish ปีกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปจนถึง Zava (นำแสดงโดย Maximilian Osinski) ก็นำมาจาก Zlatan Ibrahimović

 

ขอให้เป็นคนขี้สงสัย ไม่ใช่คนที่ตัดสินคนอื่น

 

ภาพ: Apple 

 

ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะในจุดเริ่มต้น Ted ถูกตัดสินจากหลายคนว่าเป็นคนไม่รู้เรื่องฟุตบอล แต่สิ่งที่ Ted ทำตลอดทั้งเรื่องคือพร้อมเปิดรับฟังความเห็นใหม่ๆ และเปิดโอกาสให้คนที่อาจถูกมองข้ามเหมือนกับเขาว่าเป็นคนที่ไม่รู้เรื่อง ได้รับโอกาสในการทำงานและพิสูจน์ตัวเอง 

 

หนึ่งในฉากที่นำเสนอเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ ตอนที่ Ted พนันกับ Rupert อดีตเจ้าของสโมสร ว่าหาก Rupert ชนะเกมปาลูกดอก เขาได้จะเลือกแท็กติกของทีมในเกมต่อไป ขณะที่หาก Ted ชนะ Rupert จะต้องไม่ไปที่เกมต่อไป ซึ่ง Ted ได้กล่าวถึงการพนันครั้งนั้นที่ Rupert ดูถูกทักษะปาลูกดอกของเขาไว้ว่า 

 

“ผมโดนดูถูกมาตลอดชีวิต หลายปี ผมก็ไม่เข้าใจ และมันทำให้ผมหงุดหงิดมาก แต่วันหนึ่งผมก็ขับรถไปส่งลูก และพบกับคำกล่าวหนึ่งบนกำแพงว่า ขอให้เป็นคนขี้สงสัย ไม่ใช่คนที่ตัดสินคนอื่น ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนผมขับรถกลับบ้านก็เริ่มเข้าใจว่าหลายคนที่เคยดูถูกผม ไม่มีใครเลยที่เป็นคนขี้สงสัย เพราะพวกเขาคิดว่าเขารู้ทุกอย่างบนโลกนี้แล้ว เลยตัดสินทุกอย่าง ตัดสินทุกคน 

 

“ผมเลยรู้ว่าการที่พวกเขาดูถูกผมนั้น ตัวตนของผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย เพราะถ้าพวกเขาเป็นคนที่ขี้สงสัย อยากรู้อยากเห็น พวกเขาก็จะตั้งคำถาม เช่น Ted คุณปาลูกดอกบ่อยไหม 

 

“ผมก็จะตอบว่า บ่อยมาก ทุกวันอาทิตย์ช่วงบ่ายกับพ่อของผม ตั้งแต่อายุ 10-16 ปี จนเขาเสียชีวิตไป” 

 

Ted ชนะเกมปาลูกดอก และชนะการพนันครั้งนั้น แต่สิ่งที่ Ted ได้ทำคือมากกว่าแค่คำพูด เพราะเขาได้ให้โอกาส Nathan Shelley (นำแสดงโดย Nick Mohammed) เด็กทำความสะอาดห้องแต่งตัวของทีมที่มักจะถูกมองข้ามความสำคัญ 

 

ภาพ: Apple 

 

จนได้รับโอกาสจาก Ted ให้แก้ไขแท็กติกของทีม และต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็น Wonder Kid แม้ว่าต่อมาพวกเขาจะทะเลาะกัน เพราะ Nathan มองว่า Ted ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขาแล้ว และย้ายไปคุมทีมเวสต์แฮม ทีมคู่ปรับที่มี Rupert เป็นเจ้าของสโมสร 

 

ความพ่ายแพ้และเสียใจเป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือความโดดเดี่ยว 

 

ภาพ: Apple 

 

การคุมทีมฟุตบอล สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือการสร้างวัฒนธรรมภายในทีม Carlo Ancelotti กล่าวในหนังสือ Quiet Leadership: Winning Hearts, Minds and Matches ไว้ว่า 

 

“คุณต้องเป็นตัวอย่างของวัฒนธรรมที่คุณต้องการภายในสโมสร เขาได้ทำแบบนั้นกับทั้งเอซี มิลาน, เชลซี และเรอัล มาดริด แม้ว่ากับเชลซี เขาจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการสร้างวัฒนธรรมแบบที่เขาต้องการก็ตาม” 

 

สำหรับ Ted ภายในซีรีส์ เขาต้องการให้สมาชิกของทีมตั้งแต่ซูเปอร์สตาร์อย่าง Jamie Tartt ที่ย้ายออกไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และกลับมาร่วมทีม ไปจนถึง Sam Obisanya (นำแสดงโดย Toheeb Jimoh) ที่เคยเกือบต้องย้ายออกจากทีมเพราะโดนเศรษฐีไนจีเรียซื้อตัว ว่าสมาชิกของทีมนี้ไม่มีใครถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวในการเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามในชีวิต 

 

ฉากสำคัญคือฉากที่ Roy Kent เขาไปกอด Jamie ที่เพิ่งชกหน้าพ่อของตัวเองที่มักจะตะคอกใส่ลูกไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวตลอดเวลา 

 

เช่นเดียวกับ Sam Obisanya ที่ร้านอาหารของเขาถูกกลุ่มคนที่ไม่พอใจที่เขาวิจารณ์การเมืองทำลาย สมาชิกของทีมก็ไปร่วมกันซ่อมแซมให้กลับมาเปิดบริการใหม่ได้อีกครั้ง 

 

จุดเริ่มต้นของความเป็นทีมที่เห็นได้ชัดอาจเป็นตอนที่ทีมตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก เมื่อ Ted เดินเข้ามาที่ห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยความเศร้าสลดเสียใจ ความผิดหวัง และความเงียบสงัด 

 

“นี่เป็นช่วงเวลาที่เศร้าสำหรับเราทุกคน และผมคงพูดอะไรไม่ได้ที่จะช่วยให้สถานการณ์มันดีขึ้น แต่ขอร้อง ช่วยทำสิ่งนี้ให้ผม เงยหน้าขึ้น และมองหน้าทุกคนในห้องนี้ ผมอยากให้คุณรู้สึกขอบคุณที่กำลังเผชิญหน้าความเสียใจครั้งนี้พร้อมกับทุกคน เพราะผมสัญญาได้เลยว่ามีสิ่งหนึ่งที่เลวร้ายกว่าความเสียใจ นั่นคือความเสียใจและความโดดเดี่ยว และไม่มีใครในห้องนี้ที่ต้องถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว” 

 

ฉากนี้แม้ว่าจะเป็นเพียงการแสดง แต่สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในโลกกีฬา 

 

หลังรักบี้ชิงแชมป์โลกปี 2007 นิวซีแลนด์ ออลแบล็กส์ ทีมที่เป็นเต็งหนึ่งของโลก พ่ายแพ้ให้กับฝรั่งเศส และตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างน่าผิดหวัง 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือทีมนิวซีแลนด์ฯ เดินทางกลับประเทศ แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อแฟนกีฬาเดินทางไปต้อนรับทีมที่เพิ่งแพ้เต็มสนามบินที่โอ๊กแลนด์ นิวซีแลนด์ หลังจากนั้น นิวซีแลนด์ฯ คว้าแชมป์โลกติดต่อกันอีก 2 สมัย จากการที่แฟนกีฬาไม่ทิ้งให้พวกเขาโดดเดี่ยวในวันที่พ่ายแพ้ 

 

เช่นเดียวกับ Yellow Wall หรือกำแพงสีเหลืองของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในวันที่พวกเขาทำแชมป์บุนเดสลีกาหลุดมือไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา แฟนดอร์ทมุนด์ยังคงส่งเสียงเชียร์ให้กับนักเตะ เพื่อยืนยันว่าในความโศกเศร้าและพ่ายแพ้ครั้งนี้ พวกเขาจะไม่เดียวดาย 

 

นักฟุตบอลคือคนที่มีความรู้สึก ไม่ใช่เพียงเครื่องจักรของการแข่งขัน 

 

ภาพ: Apple

 

ตลอดทั้งซีรีส์เราจะเห็นอีกมุมมองของการแข่งขันกีฬาอาชีพจากตัวของนักกีฬาเอง ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ Sam Obisanya ออกมาทวีตข้อความทางการเมือง จนโดนนักการเมืองตอกกลับให้ Shut up and Dribble หรือหุบปาก และเลี้ยงบอลไป 

 

เหมือนกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ Lebron James หนึ่งในนักบาสเกตบอลระดับตำนาน โดยนักข่าวที่มองว่านักกีฬาไม่ควรมีความเห็นเรื่องการเมือง 

 

ไปจนถึง Isaac McAdoo (นำแสดงโดย Kola Bokinni) กัปตันทีมโมโหแฟนบอลที่ตะโกนด่านักเตะในเกมว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ จนเขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ซึ่งในเนื้อเรื่อง Isaac เพียงแค่โมโหที่แฟนบอลกล่าวโจมตี Colin Hughes (นำแสดงโดย Billy Harris) ลูกทีมของเขาที่มาเปิดเผยกับทีมที่หลังว่าเขาเป็นเกย์ 

 

ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ที่สร้างผลกระทบต่อจิตใจของนักเตะแต่ละคนมักจะถูกแก้ไขด้วยความเป็นหนึ่งเดียวของทีม ตั้งแต่โค้ช Tedไปจนถึง Roy Kent ผู้ช่วยผู้จัดการทีมที่ก้าวเข้าสู่ห้องแถลงข่าวหลังเหตุการณ์ของ Isaac และตอบคำถามสื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า 

 

“ผมเข้าใจว่าบางคนคิดว่าเมื่อคุณซื้อตั๋วเข้ามาชมเกมในสนามแล้วจะมีสิทธิ์พูดจาเหยียดหยามอะไรก็ได้ต่อนักฟุตบอล แต่พวกเขาไม่ใช่แค่นักฟุตบอล แต่พวกเขาคือผู้คน และไม่มีใครในห้องนี้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในชีวิตของแต่ละคน 

 

“สำหรับ Isaac การกระทำของเขาในวันนี้ แม้ว่าจะผิด ผมยังคงให้ความรักกับเขา และสาเหตุที่เขาทำไปเพราะอะไร มันไม่ใช่เรื่องของผม” 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Isaac มีความคล้ายบางส่วนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Vinícius Júnior ที่ถูกแฟนบอลบาเลนเซียแสดงท่าทางเหยียดสีผิวอย่างหนักในสนามฟุตบอล จน Vinícius โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ซึ่งมีสื่อจากสเปนให้เหตุผลว่า บางครั้งแฟนบอลในสนามก็คิดว่าเพราะซื้อตั๋วเข้ามาชมเกมแล้วจะสามารถกล่าววิจารณ์โจมตีนักเตะในสนามได้อย่างเต็มที่ จนลืมไปว่าข้างในสนามก็คือคนที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน 

 

Ted Lasso ตัวละครที่อยากให้ทุกคนรู้สึกโอเค จนลืมว่าตัวเองก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน 

 

ตลอดทั้งซีรีส์เราจะเห็น Ted เป็นเหมือนคนที่คอยมอบพลังบวกและแง่คิดที่ช่วยให้ทุกคนผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิตไปได้ จนสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานภายในทีมฟุตบอลที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและกำลังใจที่มีให้กันและกัน 

 

แต่ในมุมมืดของ Ted ที่สูญเสียพ่อที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองตั้งแต่เขายังเด็ก ได้ถูกเปิดเผยผ่านการพบจิตแพทย์ที่เขายอมรับว่าอยากจะมีโอกาสได้บอกพ่อเขามากกว่านี้ 

 

“เขาเป็นคนที่ดี แต่ผมคิดว่าเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ดี ผมคิดว่าถ้าเขารู้ตัวว่าเขาเป็นคนที่ดีขนาดไหนในสิ่งที่เขาอาจจะไม่ได้สนใจมากนัก ผมคิดว่าเขาคงไม่ทำในสิ่งที่เขาทำ 

 

“และผมหวังว่าผมจะมีโอกาสได้บอกเขามากกว่านี้ 

 

“ผมโกรธมากที่เขาไปทำงานกับเพื่อน และก็ไม่กลับมาอีกเลย 

 

“ผมรู้เลยว่าตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ผมจะไม่ให้ใครที่เข้ามาในชีวิตเขา เข้าใจว่าพวกเขาอาจจะรู้สึกเจ็บปวดข้างในใจเช่นเดียวกัน”

 

ซึ่งเป็นการอธิบายถึงตัวตนของ Ted ตลอดทั้งซีรีส์ที่จะไม่ปล่อยให้ใครในทีมต้องรู้สึกว่าถูกมองข้าม ขาดความสำคัญ หรือไม่มีคุณค่าในตัวเอง 

 

มาถึงตอนที่ 11 ของซีซัน 3 Ted ก็มีโอกาสได้พูดตรงๆ กับแม่ของเขาว่า ถามว่าทำไมถึงต้องทำเหมือนกับว่าทุกอย่างโอเคหลังจากที่พ่อของเขาจากไป ซึ่งแม่ของ Ted ก็ยอมรับว่าไม่รู้จะทำอย่างไร และขอโทษ Ted ที่เขาต้องเป็นคนที่เก็บความรู้สึกแบบนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา 

 

Believe กับการสร้างโลกที่เราอยากจะเห็น 

 

ภาพ: Apple

 

ผมเคยกล่าวกับพี่เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ หัวหน้าของผม ในการสัมภาษณ์ความรู้สึกหลังได้รับชมพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า 

 

กีฬาคือโลกสมมติที่เราขีดเส้นขอบสนามวาดขึ้นมา เพื่อสมมติว่านี่คือพื้นที่ที่ทุกคนเท่าเทียมกันหมดภายใต้กติกาการแข่งขันเดียวกัน และทุกๆ คนจะได้โอกาสในการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน 

 

แม้ว่าในโลกแห่งความจริงจะไม่มีสิ่งไหนที่สามารถทำได้ 100%​ ขนาดนั้น แต่ในโลกกีฬาพวกเขาก็พยายามที่จะให้พื้นที่สมมตินี้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

 

ใน Ted Lasso Jason Sudeikis นักแสดงนำ และนักเขียนเรื่อง ก็ได้กล่าวถึงตัวละคร Ted Lasso ว่าเป็นเพียงการตอบรับพรที่เขาอยากจะขอ 

 

“คุณอาจเคยได้ยินคำพูด ‘Be the change you want to see in the world’ หรือ ‘จงเป็นความเปลี่ยนแปลงที่คุณอยากจะเห็นบนโลกใบนี้’ มาในวันนี้ผมก็อยากจะกล่าวว่า เขียนความเปลี่ยนแปลงที่คุณอยากจะเห็นบนโลกใบนี้ ส่วนหนึ่งของความสุขที่ได้ทำงานนี้คือผมได้มีโอกาสทำตามคำขอพรของผม ไม่ใช่แค่ได้เล่นตัวละครนั้น แต่ได้สร้างโลกที่เราอยากจะเห็น และนำเสนอมันสู่โลกใบนี้” 

 

ภาพ: Apple 

 

ในตอนนี้ที่ Ted Lasso เดินทางมาถึงตอนที่อาจจะเป็นตอนสุดท้ายของซีรีส์ที่มีชื่อว่า So Long, Farewell ยังคงเหลือปมอีกเพียงไม่กี่ปมที่จะคลี่คลาย 

 

ตอนล่าสุด ตอนที่ 11 Ted ได้กล่าวถึงการให้อภัยและให้โอกาสกับคนอื่น เมื่อเขาเห็นคลิปจากกล้องวงจรปิดว่า Nathan Shelley พยายามหนีออกจากห้องทำงาน วันสุดท้ายที่เขาลาออกจากทีม 

 

“ผมหวังว่าเราทุกคนคงไม่ถูกตัดสินจากช่วงเวลาที่เราอ่อนแอที่สุด แต่ถูกตัดสินจากความเข้มแข็งเมื่อเราได้รับโอกาสที่สองในชีวิต” Ted กล่าวถึงการที่เขาอาจจะให้โอกาสกับ Nathan กลับมาร่วมทีม 

 

และอาจจะเป็นโค้ชของทีมต่อไปในอนาคต ที่ Ted ได้แสดงออกกับแม่ของเขาว่าเขาคิดถึงลูก หลังจากที่ต้องย้ายมาทำงานที่อังกฤษเป็นเวลาเกือบ 3 ปี จนต้องหย่าร้างกับภรรยา 

 

ก่อนที่จะไปถึงตอนสุดท้ายของซีรีส์ นี่คือสิ่งที่ผมมองว่า Jason Sudeikis และทีมงาน นำเสนอ Ted Lasso ซีรีส์ที่เริ่มจากคนที่ดูไม่รู้เรื่องกับวัฒนธรรมกีฬามากที่สุด กลับนำเสนอคุณค่าที่ดีที่สุดในแต่ละด้านของโลกกีฬาออกมาได้อย่างน่าประทับใจ

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X