วันนี้ (26 พฤษภาคม) ที่สำนักงานเทศบาลบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พร้อมว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ด้านแรงงานของพรรค นำโดย เซีย จำปาทอง เข้าร่วมประชุมพบปะเครือข่ายสหภาพแรงงานและผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งหมด 45 องค์กร กว่า 200 คน เพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องนโยบายแรงงาน
โดยพิธากล่าวว่า การเซ็น MOU ของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด 8 พรรค ในข้อที่ 19 เป็นการคุ้มครองสิทธิแรงงาน รวมถึงให้ความเป็นธรรมในการจ้างงาน สามารถทำให้ค่าแรงสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลตั้งแต่จัดตั้งมาสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ ทั้งก่อนหาเสียง ระหว่างหาเสียง หรือหลังหาเสียง จะบรรจุความเดือดร้อนและปัญหาของพี่น้องแรงงานเข้าไปอยู่ใน MOU จัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว
พิธากล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่มาหาทุกคนวันนี้ก็เพื่อมาสื่อสารเรื่องการทำตามสัญญากับพี่น้องประชาชน ที่จะทำเป็นแบบแพ็กเก็จ ไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง และการเดินหน้าพบปะพูดคุยกับหลายฝ่าย เช่น ที่สภาอุตสาหกรรม และเครือข่ายเยาวชน ส่วนสัปดาห์หน้าจะไปพบสภาหอการค้า ภาคการท่องเที่ยว และ SMEs เพื่อจะให้เห็นภาพรวมทั้งหมดถึงความจำเป็นในการต่อสู้เพื่อพี่น้องแรงงานทุกสหภาพ ให้เห็นถึงความจำเป็นของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท
“พรรคก้าวไกลต้องดูแลแรงงาน และ SMEs คู่ขนานกัน เช่น รัฐบาลช่วยอุดหนุนประกันสังคม 6 เดือนแรก ผลกระทบจากค่าแรงที่ขึ้นสามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า 2 ปี และย้ำว่าเราต้องมองทั้งระบบ ยังมีมาตรการลดภาษีจาก 20% เป็น 15% หรือจาก 15% เป็น 10% หรือหวย SMEs หากซื้อของมีใบเสร็จครบ 500 บาทจะเป็นหวยรัฐบาล” พิธากล่าว
พิธากล่าวต่อไปว่า การขึ้นค่าแรง 450 บาทไม่ได้ขึ้นกันเอง แต่เป็นการนำเอาตัวเลขค่าเงินเฟ้อ อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจมาคำนวณ ซึ่งที่ขึ้น 450 บาทไม่ได้นั่งเทียนเขียน และไม่ได้เอามาไว้หาเสียงอย่างเดียว พรรคเขียนอย่างยุติธรรมที่สุดที่ทุกท่านควรจะได้ตัวเลขนี้ ซึ่งค่าแรง 450 บาทจะสามารถปรับขึ้นได้ภายใน 100 วันแรกของการเป็นรัฐบาล และขณะนี้ยังมีเวลาที่เหลืออยู่ก่อนที่จะจัดตั้งรัฐบาล จึงต้องเดินหน้าพูดคุยทั้งในไทยและต่างประเทศ
จากนั้นพิธาพร้อมด้วยว่าที่ ส.ส. เขตสมุทรปราการ ทั้ง 8 เขต ขอบคุณประชาชนชาวสมุทรปราการ หลังชนะเลือกตั้งยกจังหวัด พร้อมปราศรัยระบุว่า ขอให้สัญญากับทุกท่านว่าพวกเราก้าวไกลรวมพลังกันจะไม่ทำให้ผิดหวัง วันนี้กลับมาที่สมุทรปราการ เคยสัญญาไว้อย่างไร หลังเลือกตั้งก็มาทำตามสัญญาอย่างนั้น ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่น้องแรงงานจากหลากหลายสหภาพ แม้วันนี้ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเต็มตัว แต่ก็เดินหน้าทำงานรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนแรงงาน
พิธายังกล่าวอีกว่า จังหวัดสมุทรปราการจะน่าอยู่มากกว่านี้ถ้าอุตสาหกรรมที่มีอยู่เป็นอุตสาหกรรมที่ดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับลูกหลานของพวกเรา ดังนั้นถ้าเราเป็นรัฐบาลเมื่อไร ขอเวลาผลักดัน พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม การจัดการมลพิษ และขยะของโรงงาน
“ผมอยากให้สมุทรปราการเป็นเมืองสุขภาพที่ดีด้วย พรรคจะดูแลทั้งพี่น้องที่อยู่ในอุตสาหกรรมสาธารณสุข แพทย์และพยาบาลที่ทำงานอย่างหนักจาก 100 ชั่วโมง จะเหลือเพียง 60 ชั่วโมง กระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่แค่สุขภาพกายดีแต่สุขภาพใจดีด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องการรักษา แต่เป็นเรื่องการป้องกัน” พิธากล่าว
พิธากล่าวต่อไปว่า ต้องแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำให้พี่น้องชาวสมุทรปราการรู้สึกว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่น่าอยู่ และคุ้มกับความไว้วางใจที่พ่อแม่พี่น้องเคยให้พรรคก้าวไกลชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และนี่คือการบ้านของว่าที่ ส.ส. ทั้ง 8 คน 8 เขต ที่จะไปดูแลพี่น้องแรงงาน ไปดูปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นี่ นี่คือคำสัญญาของพิธา นายกรัฐมนตรีคนที่ 30
โดยหลังปราศรัยจบ พิธาแจกลายเซ็น ถ่ายรูปร่วมกับประชาชน ก่อนจะเดินทางกลับ