ไม่ว่าธุรกิจไหน ‘ความยั่งยืน’ เป็นเรื่องสำคัญ ทุกธุรกิจมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมนุษย์ อย่างบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC คือตัวอย่างขององค์กรค้าปลีกรายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนการทำงานมาโดยตลอด จนกลายเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในเอเชีย
เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของเซ็นทรัล รีเทล คือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เจตนารมณ์ที่ชัดเจนของเซ็นทรัล รีเทล คือต้องการเป็น ‘Green & Sustainable Retail’ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน เดินหน้าลดคาร์บอน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างวิถีชีวิตและเศรษฐกิจที่ดีให้กับชุมชน”
ญนน์เล่าต่อว่า เมื่อมีเจตนารมณ์แน่วแน่และเป้าหมายที่ชัดเจน จึงสร้างกรอบการทำงานขึ้นด้วยการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) ไปผสมผสานกับแนวทางพัฒนา BCG (Bio-Circular-Green Economy) และ ESG (Environment-Social-Governance) มาพัฒนาเพื่อสร้างแนวทางการทำงานที่นำไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้ครบทุกมิติ เกิดเป็นกลยุทธ์ CRC ‘ReNEW’ ที่แตกแขนงเป็นโครงการกรีนๆ มากมาย เช่น จริงใจ Farmers’ Market, แคมเปญ Love the Earth หรือโครงการ ‘ขวดเปล่า ไม่สูญเปล่า’ เป็นต้น
ซึ่งกลยุทธ์ CRC ‘ReNEW’ นี่เองที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล กลายเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในเอเชียที่ผลักดันโครงการกรีนๆ ให้เกิดขึ้นจริง เห็นผลลัพธ์จริง และสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง
บทสรุปความสำเร็จกลยุทธ์ CRC ‘ReNEW’ ปี 2022
อธิบายเพิ่มเติมก่อนว่ากลยุทธ์ CRC ‘ReNEW’ แตกแขนงเป็นแกนหลักๆ ด้วยกัน 4 แกน โดยทั้ง 4 แกนจะมุ่งไปยังจุดหมายเดียวกันคือการเป็น ‘Green & Sustainable Retail’ ได้แก่
1. Re = Reduce Greenhouse Gases ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจในเครือทั้งหมด แนวคิดดังกล่าวถูกขยายความเป็นวิธีการและโครงการต่างๆ เช่น ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด ดำเนินการติดตั้งบนหลังคาศูนย์การค้าและร้านค้าทั้งในไทยและเวียดนามไปแล้ว 83 สาขา สามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้ 8% จากการใช้พลังงานทั้งหมด และสร้างสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV Charging Station) 58 สาขา รองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ 790 คัน ในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า
นอกจากนั้นยังส่งเสริมการใช้รถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) ในการขนส่งสินค้า รวมถึงติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงาน (Energy Efficient Chiller) กว่า 217 ตู้ ทั้งหมดนี้มุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด 50% ในปี 2030
2. N = Navigate Society Well-being สร้างสังคมให้น่าอยู่
แนวทางการสร้างสังคมให้น่าอยู่ด้วยการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการผนึกกำลังคู่ค้าในการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจให้ลดขั้นตอน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านโลจิสติกส์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจของผู้บริโภคมากที่สุด
นอกจากนี้ยังส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เช่น ไทวัสดุ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล มีโครงการศูนย์ Contact Center สำหรับคนพิการ ดำเนินการจ้างงานและสร้างอาชีพให้คนพิการมีอาชีพที่มั่นคง โดยมีการจ้างงานไปกว่า 412 คน รวมทั้งให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนและช่องทางการจำหน่าย โดยสามารถสนับสนุนชุมชนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมกำหนดเป้าหมายในปี 2030 เป็น 5,400 ล้านบาทต่อปี
3. E = Eco-Friendly Product and Packaging การส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เซ็นทรัล รีเทล ผลักดันและส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการ Love the Earth ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิล วัสดุที่มาจากธรรมชาติ หรือวัสดุคุณภาพที่ใช้ได้ทนทาน ทดแทนการใช้วัสดุสิ้นเปลืองและบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง โดยในปี 2022 สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ถึง 6% ด้วยการเพิ่มตัวเลือกสินค้าที่เป็นกรีนโปรดักต์ สินค้าออร์แกนิก สินค้าวีแกน และอื่นๆ พร้อมตั้งเป้าให้ได้ 100% รวมไปถึงการขยายร้านค้าสีเขียวจำหน่ายสินค้ารักษ์โลกจำนวนกว่า 60 แห่ง เช่น ร้าน Healthiful, Tops Green โดยตั้งเป้าเดินหน้าเปิดเพิ่มเป็น 200 แห่ง
4. W = Waste Management จัดการขยะมูลฝอย
โครงการที่ทำให้แนวคิดนี้ประสบความสำเร็จคือโครงการขวดเปล่า ไม่สูญเปล่า โครงการที่รณรงค์ให้นำขวดพลาสติก PET กลับมาใช้ใหม่ ประยุกต์เศรษฐกิจหมุนเวียนผ่าน 3Rs เช่น รีไซเคิลขวดพลาสติกให้เป็นผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้ขาดแคลน ส่งเสริมให้ลูกค้านำถุงผ้ามาใช้เอง หรือโครงการ Journey to Zero รณรงค์ลดขยะเหลือศูนย์ จัดจุดทิ้งขยะคัดแยก และส่งเสริมให้นำวัสดุหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกให้กับลูกค้าและพนักงาน ผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 15% ด้วยการแปลงขยะเป็นปุ๋ยหรือก๊าซหุงต้มเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ โดยตั้งเป้าหมายการนำขยะมาใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นเป็น 30%
แม้โครงการทั้งหมดจะเดินหน้าเต็มสูบมาโดยตลอด แต่วิกฤตสิ่งแวดล้อมก็ยังเป็นวาระเร่งด่วนอยู่ดี เซ็นทรัล รีเทล จึงต้องเร่งเครื่องภารกิจด้วยแนวทางปฏิบัติที่เข้มข้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคืนออกซิเจนให้โลกด้วยการฟื้นฟูระบบนิเวศป่าต้นน้ำ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่า ตั้งเป้า 50,000 ไร่ในปี 2030 หรือการลงทุนสีเขียวในด้านนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อช่วยลดโลกร้อน รวมไปถึงการส่งเสริมใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ เช่น การเปลี่ยนผ่านการขนส่งคาร์บอนต่ำเป็นพลังงานไฟฟ้า และบริการจุดเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
“เซ็นทรัล รีเทล ยืนหยัดแน่วแน่ในพันธกิจที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสมดุลและยั่งยืน พร้อมส่งต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพในระยะยาวให้กับประเทศชาติต่อไป” ญนน์กล่าวปิดท้าย