‘สื่อมาเก๊า’ เกาะติดนโยบายคาสิโนถูกกฎหมายของพรรคก้าวไกลหลังชนะการเลือกตั้ง มองเป็นความท้าทายของประเทศไทยและนักการเมืองรุ่นใหม่ หากทำสำเร็จจะช่วยปิดช่องฟอกเงินนายทุน สร้างเม็ดเงินเข้ารัฐในรูปแบบของภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าปีละล้านล้านบาท โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับจังหวัด แต่ต้องแลกมาด้วยการท้าชนกลุ่มทุนท้องถิ่น
คาสิโนถูกกฎหมายถูกนำเสนอในรัฐบาลหลายยุคหลายสมัย กระทั่งช่วงปีที่ผ่านมาจึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) แต่ก็ถือว่ายังไม่สะเด็ดน้ำ เมื่อยังมีข้อกังวลประเด็นสังคม ทั้งการตั้งคำถามถึงผลประโยชน์แอบแฝงและขัดต่อศีลธรรมสังคมไทย อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ถูกพูดถึงอีกครั้งและกำลังถูกจับตาในฐานะ ว่าที่รัฐบาลใหม่อย่าง ‘พรรคก้าวไกล’ เป็นผู้ผลักดันนโยบาย
สำนักข่าว AGB ของมาเก๊า รายงานว่า ภายหลังจากพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งและพร้อมเดินหน้านโยบายโรดแมป 100 วัน ทั้งมิติการเมือง การปฏิรูป การปรับปรุงระบบราชการ การพัฒนาสาธารณสุขและสวัสดิการ คุณภาพชีวิต การศึกษา ภาคการเกษตร สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ และหยิบยกนโยบายคาสิโน ซึ่งหากประเทศไทยสามารถสร้างคาสิโนคอมเพล็กซ์ให้สำเร็จได้จะสร้างรายได้ให้ประเทศราว 1 ล้านล้านบาท และเงินเหล่านี้จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมาช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค
‘ภาคตะวันออก’ โอกาสที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง
รายงานข่าวระบุว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคจะเป็นเสาหลักในการกระจายรายได้ ส่งผลดีต่อการพัฒนาสถานบันเทิงอย่างถูกกฎหมาย โดยภาคตะวันออกน่าจะเหมาะสำหรับการก่อสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักลงทุนคาสิโน เพราะใกล้เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ประกอบกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม กำลังเติบโตจากการกระตุ้นการลงทุนภายใต้แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ดังนั้นจังหวัดชลบุรีและระยองน่าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับทำรีสอร์ตคาสิโนขนาดใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ของกลุ่มทุนใหญ่ที่กำลังจะเป็นฝ่ายค้านทางการเมือง ส่วนพื้นที่ภาคใต้ ยกให้อัญมณีแห่งการท่องเที่ยวของภูเก็ต พื้นที่เหล่านี้ล้วนเป็นพื้นที่ของพรรคฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอมเพล็กซ์ความบันเทิงจะช่วยกระตุ้นต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็น 11% ของ GDP ของประเทศไทย (ข้อมูล ณ ปี 2562) ซึ่งที่ผ่านมานโยบายคาสิโนถูกกฎหมายนั้นได้รับการเสนอโดยพรรคการเมืองจำนวนมากจากทั้งสองฟากฝั่ง กระทั่งล่าสุดพรรคก้าวไกลได้อภิปรายในสภา โดยผ่านการพิจารณาถึง 11 ญัตติ สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ 4 ญัตติ ถือว่าคืบหน้าไม่น้อย
รัฐควรเอาจริงกับปัญหาใต้พรม ธุรกิจสีเทา
ปัจจุบันคาสิโนเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย แต่ยังมีการเปิดดำเนินการอยู่เป็นจำนวนมากโดยที่รัฐก็ไม่ได้มีแนวคิดที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง จนสุดท้ายกลายเป็นช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์และนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ที่ร้ายแรงมากยิ่งขึ้น เช่น การฟอกเงินของผู้ค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ รวมไปถึงการกดขี่ลูกจ้างแรงงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
การนำธุรกิจใต้ดินกลับมาพูดถึงโดยมีการกำกับควบคุมอย่างเข้มข้นน่าจะเป็นทางออกที่จะสามารถควบคุมการดำเนินธุรกิจได้จริงและเชื่อว่าสามารถปิดช่องที่จะเกิดการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ รวมไปถึงการคุ้มครองแรงงานให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และยังสามารถสร้างรายได้เข้ารัฐในรูปแบบของภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้อีกด้วย
ด้านสำนักข่าว Nikkei ระบุ ประเทศไทยมีความพยายามเสนอกฎหมายให้คาสิโนถูกกฎหมายเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยฝ่ายนิติบัญญัติผ่านการอนุมัติรายงานไปเมื่อต้นปีเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถานบันเทิงที่มีคาสิโน 22 แห่ง รวมถึงกรุงเทพฯ ซึ่งนโยบายนี้รัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมาพยายามหยิบยกมาผลักดันแต่ก็ถูกพับไปในที่สุด
หากนโยบายนี้ทำได้สำเร็จนอกจากรายได้หลักของประเทศที่มาจากการเก็บภาษีประชาชนปีละ 2.7 ล้านล้านบาทแล้ว หากมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้ามาเป็นแหล่งรายได้ใหม่จากกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักแสวงโชคชาวต่างชาติ รวมถึงภาครัฐไม่ต้องลงทุนแล้ว ยังสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละ 4 ล้านล้านบาท
ย้อนดูนโยบาย ‘คาสิโนถูกกฎหมาย’ พรรคก้าวไกล
สำหรับพรรคก้าวไกลนั้นแม้จะเสนอให้มีคาสิโนอย่างถูกกฎหมายแต่ก็ระบุชัดว่าหากจะทำให้เป็นจริงต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดดังนี้
- จำกัดอายุผู้เล่นไม่ต่ำกว่า 20 ปี
- จำกัดฐานะของผู้เล่น
- กำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะมีสิทธิเล่นได้ โดยยึดตามรายได้ที่แจ้งต่อสรรพากรในปีภาษีก่อนหน้า
- จำกัดจำนวนคาสิโน โดยถ้าจังหวัดไหนจะมีคาสิโนได้ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่และจำนวนคาสิโนที่จะออกใบอนุญาตได้
- มีคณะกรรมการการพนันและขันต่อเป็นผู้ออกใบอนุญาต
นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดประเภทของการพนันและขันต่อที่จะมีในคาสิโนได้ นี่คือนโยบายที่พรรคก้าวไกลวางไว้
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล จากพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายไว้ว่า การผลักดันนโยบายนี้ไม่ใช่การสนับสนุนให้ตั้งบ่อนคาสิโนในประเทศ แต่เป็นเพียงการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้เข้าประเทศ หากจะทำคาสิโนต้องคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน ทั้งปัญหาการฟอกเงิน ทุกประเด็นต้องผ่านการพิจารณาทุกมิติ ทั้งความน่าลงทุน ซึ่งในระยะ 2-3 ปี ไม่น่าจะเป็นไปได้ทันที และที่สำคัญต้องมีกระบวนการทำประชาพิจารณ์หรือประชามติของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย
ส่องความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรมคาสิโนในภูมิภาคเอเชีย
สำหรับอุตสาหกรรมคาสิโนในเอเชีย มาเก๊ายังคงได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการพนันของเอเชียและของโลก เพราะมีรายได้จากธุรกิจการพนันแซงหน้าลาสเวกัสจากสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 มาเก๊าสร้างรายได้จากธุรกิจการพนันมากกว่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าลาสเวกัสถึง 5.4 เท่า
อีกหนึ่งประเทศที่มีความน่าสนใจคือญี่ปุ่น ภายหลังจากรัฐบาลเปิดทางให้คาสิโนเป็นธุรกิจบนดินด้วย ‘ร่างพระราชบัญญัติเพื่อจัดตั้งพื้นที่สถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจร (Integrated Resort IR)’ หรือ ‘ร่างพระราชบัญญัติคาสิโน’ เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยญี่ปุ่นอนุมัติให้ ‘โอซาก้า’ เป็นที่ตั้งของคาสิโนแห่งแรกของประเทศ โดยมีกำหนดการเปิดให้บริการปลายปี 2572
ขณะที่เพื่อนบ้านของไทย ซึ่งคาสิโนถือเป็นธุรกิจถูกกฎหมายในปัจจุบันมีถึง 6 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม มาเลเซีย เมียนมา สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และสปป.ลาว ยกเว้นอินโดนีเซีย บรูไน และไทย
อ้างอิง:
- https://agbrief.com/intelligence/deep-dive/16/05/2023/will-casino-entertainment-complexes-move-forward-under-the-new-thai-government/
- https://asia.nikkei.com/Business/Travel-Leisure/Thailand-weighs-bet-on-legalizing-casinos-to-draw-more-tourists
- https://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/25motion_entertainment/main.php?filename=commission
- https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_288