×

2 กูรูชี้ หุ้นไทยดิ่งต่อเนื่อง ยังผวา ‘ก้าวไกล’ หยุดทุนผูกขาด แถมการเมืองไม่แน่นอน ต้องรอลุ้นผลโหวตนายกฯ-สูตรตั้งรัฐบาล

22.05.2023
  • LOADING...
2 กูรู หุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยกังวลปัจจัยการเมืองยังไม่จบ มีความไม่แน่นอนหลายเรื่อง ยังหวั่นนโยบายทลายทุนผูกขาด ส่วนการเลือกตัวนายกฯ ยังต้องลุ้นพึ่งเสียง ส.ว. หลังมีบางกลุ่มไม่โหวตให้ ชี้หุ้นลงแบบ Overreact เป็นโอกาสลงทุนระยะยาว

 

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า เปิดเผยผ่านรายการ WEALTH IN DEPTH ว่าตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังทราบผลการเลือกตั้งว่าพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งสูงสุด ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถือว่าผิดจากที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ ทำให้ความกังวลในนโยบายที่ประกาศไว้ต้องการจะแก้ไขเรื่องธุรกิจทุนผูกขาด เนื่องจากปัจจุบันคาดว่ามีธุรกิจที่เข้าข่ายดังกล่าวจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ สัดส่วนประมาณ 30-40% ขณะมีหุ้นจำนวน 4 บริษัทในกลุ่ม Top 10 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เข้าข่ายทุนผูกขาด ส่วนใหญ่ราคาหุ้นก็ตอบสนองในเชิงลบปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน

 

อีกทั้งพรรคก้าวไกลยังมีหลายๆ นโยบายเศรษฐกิจที่ประกาศว่าจะใช้ มีความแตกต่างกับระบบทุนนิยมเดิมของไทยที่ใช้อยู่ปัจจุบัน โดยมีแนวคิดนำนโยบายรัฐสวัสดิการมาใช้ ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลเพิ่มว่าจะเห็นการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นแบบรุนแรงเพื่อนำมาใช้ดูแลประชาชน เช่น  Wealth Tax, Capital Gain Tax

 

นอกจากนี้ยังมีความกังวลถึงความไม่แน่นอนที่เริ่มสูงขึ้นในจัดตั้งรัฐบาลตามมาหลังจากพรรคก้าวไกลยังต้องอาศัยคะแนนเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อใช้โหวตในการเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ ส.ว. บางกลุ่มเริ่มส่งสัญญาณว่าจะไม่ออกเสียงโหวตให้พรรคก้าวไกล ส่งผลให้มีความสี่ยงด้านปัจจัยการเมืองมากขึ้น แบ่งได้เป็น 2 ประเด็น คือ

  1. อาจเกิดการประท้วงหรือความวุ่นวายตามมา
  2. เกิดความยืดเยื้อในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าออกไปแบบคาดเดาระยะเวลาได้ยาก

 

“หากการตั้งรัฐบาลล่าช้าออกไปเรื่อยๆ ที่เคยคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะดีหลังการเลือกตั้งอาจต้องจบเลยเพราะไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร จะเป็นผลเสียเกิดขึ้นตามมา แต่ยังมองว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นภาพที่ดีในระยะยาว เพราะจะเกิดการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปในด้านต่างๆ ในทางดีที่ดีขึ้น ทำให้มีความโปร่งใสมากขึ้น”

 

สำหรับปี 2566 เดิมช่วงต้นปีมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นหลังจีนเริ่มกลับมาเปิดประเทศ ส่งผลบวกต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้มีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้น แต่หลังผลการเลือกตั้งออกมาได้ปรับมุมมองต่อหุ้นไทยเป็นภาพลบ โดยให้เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ที่ 1,670 จุด ใกล้เคียงกับที่ปิดสิ้นปี 2565 หรือมีความเสี่ยงจะปิดต่ำกว่าระดับดังกล่าว เนื่องจากยังคงต้องรอรัฐบาลใหม่ ซึ่งคาดว่าจะยังต้องใช้ระยะเวลาในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้การออกนโยบายต่างๆ เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะออกมาน่าจะไม่ทันภายในปีนี้ ขณะที่มองว่าต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยออกมาต่อเนื่องส่วนหนึ่งจากความกังวลเรื่องปัจจัยทางการเมือง

 

“ปีนี้ผมไม่ได้หวังกับตลาดหุ้นไทยเลย ให้เสมอตัวเท่าปีที่แล้วที่ปิดที่ 1,669 จุด ก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่ก็หวังได้ค่อนข้างยาก เพราะปีนี้เศรษฐกิจโลกเสี่ยงจะเข้า Recession ด้วย”

 

อย่างไรก็ดี ในฐานะ Value Investor จะไม่ขายหุ้นออกมาในช่วงที่ราคาหุ้นตกลดลงอย่างหนัก แต่จะมองหาโอกาสลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีและเห็นว่าราคาที่ปรับลดลงมาจนมีความน่าสนใจและมีความปลอดภัยก็จะพิจารณาในการเข้าซื้อ

 

หุ้นไทยดิ่ง Overreact มองโอกาสเข้าลงทุน

ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวในรายการ WEALTH IN DEPTH ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับทนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเดิมคาดว่าพรรคก้าวไกลจะได้คะแนนเสียงสูงสุดเป็นอันดับสอง ทำให้มีความไม่แน่นอนสูงมากเกิดขึ้นตามมาเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย ข้อแรกต้องรอติดตามผลการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังต้องอาศัยคะแนนเสียงเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจาก ส.ว. ว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่ ข้อสองคือนโยบายที่พรรคก้าวไกลประกาศไว้ทั้งหมดจะสามารถทำได้หรือไม่ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง

 

ทั้งนี้ มีมุมมองความกังวลในประเด็นด้านนโยบายของพรรคก้าวไกลให้น้ำหนักที่น้อยกว่าความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะนโยบายของก้าวไกลยังต้องอาศัยคะแนนเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อโหวตในการดำเนินการ ซึ่งน่าจะมีการพูดคุยต่อรองกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในบางนโยบายที่มีความเห็นต่างกัน ส่งผลให้การดำเนินนโยบายที่ประกาศไว้ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วหรืออาจดำเนินการไม่ได้

 

ขณะที่ประเมินว่าตลาดหุ้นไทย รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่ที่เคยถูกแรงเทขายออกมาอย่างหนักก่อนหน้านี้จากความกังวลเรื่องประเด็นทุนผูกขาด ซึ่งมองว่าเป็นการปรับตัวที่ลดลงเกินความเป็นจริง (Overreact) โดยหลังจากมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลออกมาว่าพรรคใดจะได้เป็นแกนนำแล้ว คาดว่ามีโอกาสที่ราคาหุ้นที่เคยมีความกังวลกับนโยบายทุนผูกขาดจะมีโอกาสรีบาวด์

 

ด้านมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2566 เดิมช่วงต้นปีมีมุมมอง Bullish ตลาดหุ้นไทย แต่จากต้นปีถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยเป็น 1 ใน 10 ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนที่ติดลบ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยการเมือง ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสจะเห็น SET Index รีบาวด์ได้ในระดับ 100 จุด หรือสิ้นปีนี้มีโอกาสเห็นดัชนีปิดใกล้เคียงที่ระดับ 1,700 จุด หากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ทำให้มีความชัดเจนทางการเมืองส่งผลให้นักลงทุนเห็นภาพชัดเจนขึ้น รวมถึงดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเดิมต่อเนื่องเป็นประโยชน์ เช่น การส่งเสริมสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV แต่หากเกิดความวุ่นวายขัดแย้งทางการเมืองจนถึงขั้นมีการประท้วงของม็อบลงบนถนนก็มีความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นไทยปีนี้จะปิดต่ำกว่าสิ้นปี 2565 ได้

 

อย่างไรก็ดี ภาคตลาดทุนต้องการเห็นรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจ รวมถึงสร้างการเติบโตของ GDP โดยกำหนดเป้าหมายตัวเลขให้เห็นภาพที่ชัดเจน อีกทั้งส่งเสริมธุรกิจทุนขนาดใหญ่ให้มีการแข่งขันภายใต้กรอบกติกาที่กำหนดไว้ และกำกับดูแลบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากธุรกิจนั้นยังเติบโตได้ก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจกับต่างประเทศได้ ขณะที่รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นด้วย

 

“นโยบายการแก้ทุนผูกขาดมองว่าเป็นเรื่องที่ดีหากสามารถทำได้จริง แต่มองว่าวันนี้ทุนผูกขาดเป็นการเกิดขึ้นนอกเกม ส่วนในเกมมีกฎหมายกับผู้กำกับดูแลดีอยู่แล้ว วิธีแก้ให้การออกกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อบังคับใช้ให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ แต่เชื่อวว่านโยบายหลายเรื่องไม่สามารถทำได้ทันที ต้องใช้ระยะเวลาขั้นตอนในการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงไม่ได้ห่วงมากเพราะหลายนโยบายของก้าวไกลไม่สามารถทำได้ทันทีหรือทำได้ทันภายใน 4 ปี แต่ห่วงเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองมากกว่า”

 

ส่วนคำแนะนำการสำหรับนักลงทุนระยะสั้น ระมัดระวังการลงทุนให้สูงขึ้นเพราะยังมีความเสี่ยงจากการคาดเดาปัจจัยการเมืองและประเด็นความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกได้ค่อนข้างยาก ขณะที่นักลงทุนระยะยาว ราคาหุ้นปัจจุบันที่ลงมาถือว่าน่าสนใจ เนื่องจากเชื่อว่าในระยะยาวเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อไปได้

 

สำหรับคำแนะนำในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีความกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากนโยบายแก้ทุนผูกขาด มองว่าราคาปัจจุบันที่ลงมาเริ่มมี Valuation ที่น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเดิมเป็นสัญญาระยะยาวที่ทำไปแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างยาก ซึ่งหากมีการแก้สัญญาเดิมอาจสร้างความเสียหายได้ค่อนข้างมาก

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X