ในย่านศาลาแดงที่เต็มไปด้วยอาคารสูงมากมาย SALADAENG ONE คือสถาปัตยกรรมแห่งใหม่ที่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ และกลายเป็นผลงานศิลปะทรงคุณค่าที่จะอยู่เหนือกาลเวลานับจากนี้เป็นต้นไป ภายใต้แนวคิด The One That Matters ‘สิ่งที่มีความหมายมากกว่าทุกสิ่ง’
หากมองภายนอกอาจพบว่า SALADAENG ONE คืออาคารคอนโดมิเนียมรูปทรงแปลกตา แต่ถ้าได้ลองสัมผัสให้ลึกไปกว่านั้นจะรู้ว่าโครงการนี้คือ ‘งานคราฟต์’ ด้านสถาปัตยกรรมที่มีรายละเอียดมากมายซุกซ่อนอยู่
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้โครงการนี้มีความน่าสนใจ เพราะทุกผิวสัมผัสล้วนผ่านกระบวนการคิดและลงมือทำอย่างพิถีพิถันจนกลายเป็นคอนโดมิเนียม Super Luxury ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
10 ความพิถีพิถันที่ซุกซ่อนอยู่ในรายละเอียดต่อไปนี้จะทำให้คุณรู้จัก SALADAENG ONE ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
1. โครงการ Super Luxury บนทำเลที่ยากจะพัฒนาที่อยู่อาศัยในอนาคต
เป็นที่รู้กันดีว่าที่ดินย่านศาลาแดงถือเป็นแรร์ไอเท็มสำหรับแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เพราะนอกจากมูลค่าที่มหาศาลแล้ว ทำเลนี้ยังตอบโจทย์ทุกด้านของการใช้ชีวิต จะเดินทางไปไหนก็สะดวกสบาย อยู่ท่ามกลางย่านธุรกิจ มีแหล่งแฮงเอาต์ และที่สำคัญยังอยู่ใกล้สวนลุมพินี ปอดขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ ที่เอาไว้พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายสำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพ
เมื่อมีทำเลหายากอยู่ในมือ ความท้าทายของโครงการนี้จึงตกอยู่กับ พิพัฒณ์ นิยะถิรกุล Head of Property Development SC ASSET ที่ยอมรับว่า ‘รู้สึกตื่นเต้นและหนักใจ’ เมื่อต้องรับหน้าที่พัฒนาพื้นที่ว่างเปล่านี้ให้กลายเป็น SALADAENG ONE คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
จากการทำการบ้านอย่างหนักจนค้นพบความต้องการของคนเมืองยุคใหม่ ในที่สุด พิพัฒณ์จึงตั้งใจสร้างสรรค์โครงการนี้เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนชอบใช้ชีวิตในเมืองที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ และที่สำคัญคือรักสุขภาพและการออกกำลังกาย สุดท้ายจึงลงตัวกับห้อง One Bed พื้นที่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ครบถ้วนทุกความต้องการ เติมเสน่ห์ด้วยความประณีตและรายละเอียดในทุกขั้นตอนการทำงาน
“ความยากอันดับหนึ่งของการพัฒนาโครงการ SALADAENG ONE อยู่ที่การรวบรวมรายละเอียดทุกองค์ประกอบและทำให้ลงตัวที่สุด ตั้งแต่การก่อสร้างที่ต้องใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมชั้นสูง มีวิธีการทำงานที่ซับซ้อน โดยเฉพาะรูปทรงของอาคารที่ต้องทำให้มีความแข็งแรงไปพร้อมๆ กับความสวยงาม เพื่อให้ออกมาเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุด
“ถ้าเทียบ SALADAENG ONE เป็นใครสักคน คนนั้นน่าจะมีลุคเรียบๆ แต่มีรายละเอียดน่าค้นหา นี่ล่ะคือความเป็น The One That Matters”
2. ทุกเหลี่ยมมุมมีความหมาย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ SALADAENG ONE แตกต่างจากอาคารสูงและคอนโดมิเนียมทั่วๆ ไปคือการ ‘เล่น’ กับเหลี่ยมมุมอย่างมีชั้นเชิง โดยเฉพาะหน้าต่างของแต่ละห้องที่ถูกออกแบบให้เปิดรับวิวทิวทัศน์แตกต่างกันออกไป ซึ่ง รติวัฒน์ สุวรรณไตรย์ สถาปนิกจาก Openbox Architects เผยความลับของโครงการนี้ว่า
“สังเกตได้ว่าแต่ละห้องจะมีเหลี่ยมมุมไม่เหมือนกันเลย นั่นเพราะเราดีไซน์ให้ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวมุมสวนลุมพินี มุมถนนพระราม 4 หรือถนนสาทร โดยแต่ละห้องจะหันทิศหน้าต่างรับมุมมองที่ดีที่สุด”
ขณะที่เมื่อมองจากภายนอกจะพบกับหน้าต่างกระจกที่ทำองศาไม่เหมือนกันจนเกิดเป็นเฉดสีของแสงสะท้อนสวยงาม เป็นไดนามิกทางสายตาที่มองได้ไม่มีเบื่อ
3. ความหรูหราในมิติที่กว้างกว่า
‘ความหรูหรา’ คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ SALADAENG ONE แต่นิยามของความหรูหราทั่วๆ ไปคงใช้ไม่ได้กับสถานที่แห่งนี้ เพราะมากกว่าเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง เลย์เอาต์และการออกแบบแผนผังของอาคารยังใส่ใจรายละเอียดจนถึงที่สุดด้วย
บุญกิต ปัญจสุนทร จาก eco-id (Thailand) บอกเล่าถึงดีเอ็นเอของ SALADAENG ONE ว่า ในเชิงการออกแบบ โครงการนี้ถือเป็น Urban Art Piece ที่นอกจากความหรูหราแล้วยังต้องคำนึงถึงการใช้พื้นที่อย่างลงตัวมากที่สุด ทั้งพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่จัดสรรไว้อย่างชัดเจน เหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางด้วย
“คอนโดฯ หลายแห่ง เวลาขึ้นห้องพักมาก็จะเจอทางเดินกลาง มีห้องพักซ้ายขวาเรียงกันไป แต่ที่นี่จะมีการวางเลย์เอาต์ที่แตกต่าง โดยเฉพาะเอเทรียมกลางตึก หรือการเว้นพื้นที่กลางตึกให้เกิดสเปซ ทำให้ตัวอาคารมีความโปร่งโล่งสบาย อากาศถ่ายเท คล้ายกับเวลาไปเดินห้างสรรพสินค้าแล้วมีโถงตรงกลาง แม้แต่ทางเดินเชื่อมตรงกลางระหว่างห้องก็เป็นจุดที่เราดีไซน์มาแล้วทุกจุด นั่นคือความหรูหราของที่นี่”
4. ความเรียบง่ายที่ซ่อนไว้ด้วยรายละเอียดสุดล้ำลึก
อีกโจทย์ที่ท้าทายสำหรับ SALADAENG ONE คือการออกแบบสถาปัตยกรรมด้วยแนวคิดแบบ Timelessness ที่มีความเรียบง่าย ใช้งานได้จริง และต้องอยู่เหนือกาลเวลา
ซึ่งนั่นคือหน้าที่ของ ศุภสิริ ไพรสานฑ์กุล Product Design and Innovation ของโครงการ ที่เชื่อว่าเมื่อคนเราประสบความสำเร็จจนถึงจุดสูงสุดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์หรือโชว์ให้ใครเห็นอีกแล้ว ดังนั้น SALADAENG ONE จึงต้องทำหน้าที่เป็นภาพสะท้อนความสำเร็จที่เหนือกว่า โดยบอกเล่าผ่านรายละเอียดที่คนทั่วไปอาจมองไม่เห็น
เริ่มตั้งแต่การเลือกวัสดุทั้งภายในและภายนอกที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ลงรายละเอียดไปจนถึงขอบประตูกับงานอะลูมิเนียมสั่งทำพิเศษ Shimmering Champagne พื้นบัวที่ไม่เพียงแค่สวย แต่ยังดีไซน์มาเพื่อให้วางเฟอร์นิเจอร์ได้จนสุดผนังแบบเรียบสนิท การซ่อนท่อในห้องน้ำใต้แผ่นหิน หรือแม้แต่การจัดวางแสงไฟให้ลงตัวตามฟังก์ชันการใช้งาน
“ในการดีไซน์ ผมว่าจะดีไซน์ให้ล้ำแค่ไหนก็ได้ แต่สิ่งที่เราทำคือการหาสมดุลให้เจอจุดกึ่งกลางระหว่างดีไซน์กับประโยชน์ใช้สอย เพราะฉะนั้นรายละเอียดต่างๆ ที่ใส่เข้าไป เราไม่ได้มองแค่ความสวยงาม แต่ยังตั้งใจคิดมาสำหรับประโยชน์การใช้งานจริงเพื่อชีวิตที่ลงตัวด้วย”
5. ท้าทายทุกขีดจำกัดของการก่อสร้าง
กิตติศักดิ์ ขวัญดี Senior Foreman ถือเป็นอีกคนที่ได้ท้าทายขีดจำกัดเดิมๆ ของตัวเองด้วยการรับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างโครงการ SALADAENG ONE ในทุกขั้นตอนและทุกรายละเอียด
กระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ไร้เฟรมอะลูมิเนียมคั่นกลาง Floor Drain ที่เรียบสนิทจนแทบมองไม่เห็น ขอบบัวแบบฝังเข้าไปในผนัง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้คือสิ่งที่กิตติศักดิ์และทีมงานต้องใช้ความพิถีพิถันอย่างมากในทุกขั้นตอนการทำงาน
“SALADAENG ONE ถือเป็นโครงการที่มีรายละเอียดเยอะมาก ผมทำอาชีพนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว มีหลายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ได้ทำในโครงการนี้ เรียกว่าเป็นงาน over standard ในอาชีพนี้ก็เลยก็ว่าได้”
6. แต่ละยูนิตคืองานคราฟต์
“เหมือนกำลังทำงานคราฟต์อยู่” คือความรู้สึกของ ไกรศร กองมนต์ Senior Engineer ของโครงการที่ต้องระดมทีมงานมากกว่า 1,200 คน มาช่วยกันต่อเติมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ทันตามเวลาที่กำหนด
ไกรศรเผยว่าส่วนที่ยากที่สุดคือห้องน้ำที่มีจำนวนมากถึง 250 แบบ ซึ่งแต่ละห้องไม่เหมือนกันเลย อีกทั้งยังต้องทำงานกับวัสดุที่มีความบอบบางอย่างหินอ่อนธรรมชาติ ซึ่งทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษตั้งแต่ขั้นตอนการขนส่ง ติดตั้ง และการเก็บรักษา
“มาตรฐานของ SALADAENG ONE คือตรวจคุณภาพงานแน่นมาก สมมติถ้าหินอ่อนในห้องน้ำมีรอยด่างแม้แต่น้อยก็ต้องเปลี่ยนทั้งแผ่น เนื้องานของที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น ดูเผินๆ เหมือนจะเรียบๆ แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เยอะมาก แต่ก็ได้ลองทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำ ได้เรียนรู้วิธีการทำงานในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน”
7. การผสมผสานโครงสร้างที่ซับซ้อน
ความท้าทายอีกด้านของโครงการ SALADAENG ONE ยังรวมถึงงานไม้ที่ถูกนำมาใช้เป็นโครงสร้างในการตกแต่งภายใน ทำให้เกิดความคลาสสิก และเพิ่มความคงทนในการใช้งานมากกว่าโครงสร้างที่ทำมาจากเหล็ก
โจทย์ที่ ธีรพัฒน์ สำราญ Assistant Project Site ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบงานไม้ภายในโครงการได้รับคือความเรียบง่ายที่ซ่อนรายละเอียดในทุกผิวสัมผัส ดังนั้นในทุกกระบวนการจึงต้องใช้ความพิถีพิถันเป็นพิเศษ ตั้งแต่การเข้ารอยต่อของไม้ การเคลือบน้ำยากันปลวก รวมถึงการนำไม้มาผสมผสานกับวัสดุประเภทอื่นๆ ซึ่งมีความสลับซับซ้อนเกินกว่าจะใช้ช่างไม้ทั่วๆ ไป
“งานที่นี่ไม่ได้จบแค่ทำตามแบบ แต่เกิดจากการปรับแล้วปรับอีกให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลงานที่ดีที่สุด ถ้าไม่ใช่คือรื้อทำใหม่เท่านั้น”
8. ลวดลายบนหินอ่อนซ่อนความหมาย
จิ๊กซอว์อีกชิ้นที่ทำให้ SALADAENG ONE กลายเป็นผลงานศิลปะทรงคุณค่าเหนือกาลเวลาคือการนำหินอ่อนมาใช้เป็นองค์ประกอบหลักแทนที่กระเบื้อง ซึ่งแม้จะต้องใช้ความละเอียดอ่อนและใช้เวลาในการทำงานมากกว่า แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาคือความสง่างามและหรูหราในแบบที่คอนโดมิเนียมโครงการอื่นๆ ให้ไม่ได้
นอกจากจะต้องจับคู่หินอ่อนเฉดสีที่ใกล้เคียงกันแล้ว งานของ ประจิตร์ กึ่งกลางดอน ช่างหินประจำโครงการ ยังรวมถึงการคัดสรรลวดลายของหินอ่อนแต่ละแผ่นเพื่อนำมาวางให้คล้ายเป็นชิ้นเดียวกัน
“ความท้าทายของการทำงานในโครงการ SALADAENG ONE คือการคัดสรรลวดลายของหินให้ดูมีความกลมกลืน ซึ่งต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในทุกขั้นตอน เพื่อให้ลวดลายมีความสวยงามเป็นเนื้อเดียวกัน”
9. ทุกพื้นผิวคือความพิถีพิถัน
หากจ้องมองผนังในโครงการ SALADAENG ONE อาจพบว่าไม่ได้แตกต่างจากอาคารทั่วๆ ไป แต่ถ้าได้ลองสัมผัสด้วยมือเปล่าจะรู้สึกได้ถึงความราบเรียบ ไร้รอยต่อ ซึ่งต้องใช้ช่างมากกว่า 6 คนในการทำงาน ต่างจากโครงการทั่วๆ ไปที่ใช้ช่างเพียง 3 คน และต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพมากกว่า 6 ครั้งในแต่ละยูนิต
รัตนริน เตินเตียน ผู้รับผิดชอบงานปูนและงานฉาบในโครงการเล่าว่า สิ่งที่ยากที่สุดคือการเข้าเหลี่ยมมุม เนื่องจากห้องมีขนาดใหญ่ และโครงการนี้มีการตรวจสอบคุณภาพหลายขั้นตอน ถ้าผนังไม่เรียบ มุมไม่คม ไม่ตรง ถือว่าไม่ผ่าน เราต้องทำถึงขั้นใช้กล่องเหล็กมาทาบกับมุมเพื่อให้มุมคมและตั้งฉากเสมอกันทุกเนื้องาน เป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูง และต้องใช้ช่างที่ชำนาญจริงๆ เท่านั้น”
10. สีสันแห่งรายละเอียด
ความประณีตของ SALADAENG ONE ไม่เว้นแม้แต่ขั้นตอนสุดท้ายอย่างการทาสี ซึ่งโครงการเลือกใช้สีภายในประเภทที่มีกึ่งเงาเพื่อผิวสัมผัสที่ดีกว่า ถือเป็นงานท้าทายอย่างมากสำหรับ วงแหวน นุสชาติ ช่างสีที่ผ่านประสบการณ์ทาสีภายในมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี
โดยขั้นตอนการทำงานจะเริ่มจากการทาสีรองพื้น 2 ชั้น ต่อด้วยการตกแต่งและขัดด้วยกระดาษทราย จากนั้นขัดเงาด้วยกระดาษทรายซ้ำอีกรอบ ซึ่งทีมงานช่างสีต้องใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์ในการขัดให้เกิดเงาทุกซอกทุกมุมของผนัง และยังต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพไม่ต่ำกว่า 5 รอบกว่าจะได้เป็นผนังที่สมบูรณ์แบบ
“ถ้ามีจุดไหนสะดุดหรือเป็นรอยด่างเพียงนิดเดียว นั่นหมายถึงต้องทาผนังผืนนั้นใหม่ทั้งผืน เพราะผลลัพธ์ที่เราต้องการคือความเรียบเนียนเสมอกันของผนังทั้งผืน”
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ภายในโครงการ SALADAENG ONE ที่รอให้คุณเข้าไปพิสูจน์นิยามใหม่ของ Super Luxury ด้วยตัวเอง
- สำหรับใครที่สนใจอยากสัมผัสกับห้องจริง ดื่มด่ำความสวยงามจากมุมสูงกับวิวจริง สามารถมาพบกันได้ที่งาน Open House วันที่ 24-25 มีนาคมนี้ พร้อมชม Photo Exhibition ‘The One That Matters’ ณ บริเวณ Open well Hall ชั้น 5 ของโครงการ SALADAENG ONE เพื่อบอกเล่าบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังของการสรรสร้างงานคุณภาพในการสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อให้ SALADAENG ONE เป็น Residential Condominium ที่ดีที่สุดตามแบบฉบับ ‘THE ONE’ ลงทะเบียนนัดชมที่ www.saladaengone.com หรือโทร 1749 แล้วพบกัน!