ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งวันแรกของวันนี้ (3 พฤษภาคม) ดัชนี SET ร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,507.22 จุด หรือลดลง 21.21 จุด จากวันก่อนหน้า ถือเป็นระดับต่ำสุดของดัชนีในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาปิดที่ 1,519.87 จุด ลดช่วงการลบลงมาเหลือ 8.56 จุด จากวันก่อนหน้า
แรงกดดันสำคัญต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้มาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดย ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า หุ้นไทยในช่วงเช้าถูกกดดันจากกลุ่มพลังงานประมาณ 5 จุด หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงมาแรง
ส่วนภาพรวมของตลาดหุ้นไทย หากพิจารณาเฉพาะเรื่องของ Valuation เพียงอย่างเดียว ต้องยอมรับว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะลดลงไปต่ำกว่าระดับ 1,500 จุด ซึ่งก่อนหน้านี้เราประเมินกรณีเลวร้ายสุดของดัชนี SET ที่ 1,460 จุด โดยที่ยังไม่ได้ให้น้ำหนักกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ แต่จากการส่งสัญญาณของผู้ว่าการ ธปท. ล่าสุด มีโอกาสสูงที่จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกหนึ่งครั้งสู่ระดับ 2%
“หากมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งช่วงปลายเดือนนี้จริง จะทำให้ Valuation ของ SET ในกรณีเลวร้ายสุดของปีนี้ลดลงไปเหลือ 1,410 จุด ขณะที่กรณีฐานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,510 จุด ซึ่งเป็นระดับของ SET ในตอนนี้”
ส่วนกรณีดีสุดของ SET จากเดิมที่ประเมินไว้ 1,690 จุด จะลดลงมาเหลือประมาณ 1,630 จุด ทำให้ดัชนี SET ในเวลานี้อยู่ในระดับกึ่งกลาง และจะแกว่งไปตามเหตุการณ์สำคัญในแต่ละช่วง
สำหรับครึ่งแรกของเดือนพฤษภาคมนี้ หลังผ่านการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในคืนนี้ นักลงทุนน่าจะเริ่มคลายกังวลได้บ้าง โดยน่าจะเห็นการส่งสัญญาณบางอย่างเกี่ยวกับการยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ของ Fed
“แต่การฟื้นตัวของ SET อาจจะทำได้เต็มที่คือประมาณ 1,630 จุด ซึ่งก็สอดคล้องกับช่วง Election Rally ที่กำลังจะเกิดขึ้น จากสถิติในอดีตผลตอบแทนของ SET จะอยู่ที่เฉลี่ย 6% แต่หากวัดเป็นกรอบเวลา หุ้นไทยมักจะวิ่งขึ้นต่อได้แค่ประมาณอีกหนึ่งสัปดาห์หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น”
สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ก่อนหน้านี้ซื้อสุทธิสลับขายสุทธิมาต่อเนื่อง โดยปกติแล้วหากผลการเลือกตั้งออกมาเป็นการชนะเด็ดขาดของพรรคใดพรรคหนึ่ง จะทำให้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิได้ในระดับหลายหมื่นล้านบาท แต่จากสถิติในอดีตช่วงก่อนการเลือกตั้ง นักลงทุนต่างชาติมักจะเป็นฝ่ายขายสุทธิ สวนทางกับกองทุนที่มักจะซื้อสุทธิในปีที่มีการคาดเดาว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นแบบเทไปข้างใดข้างหนึ่ง (Landslide)
ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า Sentiment การลงของหุ้นไทยวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงแรงเมื่อคืนนี้ โดยเฉพาะในหุ้นขนาดกลางที่ถูกเทขาย หลังจากนักลงทุนกังวลว่าอาจจะมีธนาคารรายที่ 5 ต่อจาก First Republic Bank ที่อาจจะล้มลงอีกได้
แรงขายที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นที่กองทุนอย่าง SPDR S&P Regional Bank ETF (KRE) ถือครองอยู่ทั้งสิ้น 144 ตัว ปรับตัวลดลงทั้งหมดในวันทำการล่าสุด
ขณะเดียวกัน การที่ดัชนี SET ลดลงต่ำกว่าระดับ 1,520 จุด ทำให้เกิดแรงขายทางเทคนิคตามมา อย่างไรก็ตาม การลดลงของดัชนีวันนี้ดูเหมือนจะรุนแรงมากเกินไป ทำให้มีโอกาสที่ SET จะยืนอยู่ได้ในบริเวณใกล้เคียง 1,520 จุด ณ สิ้นวัน
สิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามหลังจากนี้คือ ผลการประชุม Fed ในคืนนี้ หากออกมาในเชิงบวกน่าจะช่วยให้ตลาดฟื้นตัวได้ แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจรอดูผลการประชุมและค่อยกลับเข้าซื้อช่วงวันจันทร์ เพราะหุ้นไทยจะหยุดการซื้อขายระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคมนี้
ส่วนเรื่องการเลือกตั้ง หากผลลัพธ์ออกมาเป็นพรรคใดพรรคหนึ่งชนะเด็ดขาด และสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็ง จะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิได้อีกครั้ง
บทความที่เกี่ยวข้อง
- หุ้นไทย แย่สุดอันดับ 3 ของโลก! ‘ดร.นิเวศน์’ ชี้ 4 สาเหตุสำคัญ ด้าน ‘หมอพงศ์ศักดิ์’ แนะนักลงทุนค้นหา ‘ความสามารถที่ยั่งยืน’ ของตัวเอง
- นักกลยุทธ์ลงทุน ยก ‘หุ้นจีน-อาเซียน’ สินทรัพย์ลงทุนที่เหมาะสุดยามเกิดภาวะ Soft Landing
- ทำความรู้จัก ‘หมี-กระทิง-พิราบ-เหยี่ยว’ และเหล่าสัตว์อื่นๆ มีความหมายอย่างไรในโลกการเงิน