เรียกได้ว่ากระแสซีรีส์เกาหลียังคงร้อนแรงไม่หยุด ล่าสุด Netflix สตรีมมิงยักษ์ใหญ่ ทุ่มทุนสร้างซีรีส์เกาหลี ภาพยนตร์ และรายการเรียลิตี้ ภายใน 4 ปีข้างหน้า ด้วยงบลงทุนมูลค่ากว่า 8.5 หมื่นล้านบาท (2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นับว่ามากที่สุดเท่าที่เคยลงทุนมา
“ที่สำคัญการลงทุนดังกล่าวนับเป็นโอกาสครั้งใหญ่ ซึ่งมากกว่าที่เคยลงทุนเมื่อปี 2016 ถึง 2 เท่า เพราะที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าตลาดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ประเดิมด้วยปี 2023 เตรียมเปิดตัว 34 รายการใหม่ เพื่อรองรับฐานผู้ชมที่นิยมซีรีส์เกาหลี ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 60% ของจำนวนสมาชิก Netflix ทั้งหมด และเรามั่นใจว่าการลงทุนดังกล่าวจะช่วยผลักดันการส่งออกวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ผ่านอุตสาหกรรมบันเทิงไปทั่วโลก” เท็ก ซาแรนดอส ซีอีโอร่วมของ Netflix กล่าว
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ Netflix คือ จากนี้จะเน้นผลิตภาพยนตร์จากต่างประเทศมากขึ้น เพราะต้องการพึ่งพารายได้และโอกาสจากตลาดต่างประเทศ หลังจากตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปชะลอตัวลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สวนทางชาวบ้าน! Netflix หั่นราคาแพ็กเกจลงใน 100 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นภูมิภาคที่มีรายได้น้อย บางแห่งลดลงมากถึง 50%
- จากที่เคยทวีต ‘ความรักคือการแบ่งปันรหัสผ่าน’ แต่ตอนนี้ บ้าน Netflix กำลังจะไม่มีอีกแล้ว เมื่อกฎห้ามใช้บัญชีร่วมกันมีผลแล้วใน 4 ประเทศ
- Netflix ไขก๊อก! Reed Hastings ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ Netflix ท่ามกลางวิกฤตธุรกิจที่รอวันฟื้นตัว
แน่นอนว่าการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ซีอีโอร่วมของ Netflix เข้าพบปะกับ ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่เดินทางเยือนวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เพื่อพบปะกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อไม่นานมานี้
แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาซีรีส์เกาหลีที่ฉายผ่านช่องทาง Netflix ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง Squid Game เกมชิงรางวัลเงินสด ที่มีคนดูทั่วโลก 142 ล้านครัวเรือน กลายเป็นเรื่องที่มีคนดูมากที่สุด ตามมาด้วย The Glory เรื่องราวเกี่ยวกับการล้างแค้นของผู้หญิง และ Physical: 100 รายการการแข่งขันสมรรถภาพร่างกาย ก็ได้รับความนิยมจากแฟนๆ ทั่วโลกมากเช่นกัน
เท็ดยังกล่าวต่อไปว่า ในฐานะที่เราเป็นคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ต้องการนำวัฒนธรรมเกาหลีออกไปสู่ทั่วโลกให้เหมือนกับวง BTS และ BLACKPINK ที่กำลังเป็นที่นิยมของกลุ่มคนรุ่นใหม่
ขณะที่ Netflix ก็มีละครเกาหลีให้เลือกหลากหลายและยังมีซับไตเติลภาษาอังกฤษรองรับการใช้งานของผู้ชมทุกคน ซึ่งจะทำให้ทิศทางของ Netflix ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
และไม่ใช่แค่ Netflix เท่านั้น แต่ความสำเร็จของแพลตฟอร์มสตรีมมิงจะทำให้ Hulu, Disney+ และ Apple ได้รับสัญญาณที่ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Netflix ยังประกาศว่าจะจัดการกับบัญชีที่มีการแชร์รหัสผ่านในไตรมาสที่ 2 หลังจากจำนวนผู้ใช้งานใหม่ลดลงต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
อ้างอิง: