วันนี้ (25 เมษายน) ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน THE STANDARD จัดงาน THE STANDARD DEBATE: เลือกตั้ง 66 ENDGAME เกมที่แพ้ไม่ได้ ตั้งแต่เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป โดยมีตัวแทน 10 พรรคการเมืองร่วมประชันวิสัยทัศน์
สำหรับรอบที่ 2 : The Grand Battle ดวลวิสัยทัศน์ตัวต่อตัว เป็นการดวลกันระหว่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล หมายเลข 31 และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยภักดี หมายเลข 21 ในประเด็นกระบวนการยุติธรรม กับคำถามที่ว่า ‘นับจากปี 2563 เป็นต้นมา มีผู้ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 แล้วอย่างน้อย 241 รายใน 260 คดี
รวมถึงมีข้อเท็จจริงว่า มีเยาวชนอายุเพียง 14 ปีถูกจับกุมดำเนินคดี หลายคนไม่ได้ประกันตัวตามสิทธิ และต้องสูญเสียอนาคตในช่วงเวลาดังกล่าว คุณมองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาหรือไม่ และมีจุดยืนอย่างไร
ก่อนที่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเสรีรวมไทย หมายเลข 25 จะใช้สิทธิ Veto โดดเข้าร่วมวงดีเบตด้วย
พิธากล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีส่วนที่คิดตรงและคิดต่างกับ นพ.วรงค์ จุดที่เห็นตรงกันคือมาตรา 112 ควรมีการปรับแก้ สำหรับพิธาเขามองว่า ม.112 มีปัญหาตรงที่มีผู้ถูกดำเนินคดีถึง 241 ราย และเป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี 18 ราย เพราะฉะนั้นก้าวไกลไม่ต้องการให้ ม.112 มาเป็นอาวุธทำลายคนเห็นต่าง อาวุธในการทำลายอนาคตของชาติที่มีความรู้สึกต่อยุคสมัยไม่เหมือนเดิม
ก้าวไกลเสนอแนวทางแก้ไข 3 ข้อด้วยกัน ข้อแรกคือลดความรุนแรงของโทษ ปัจจุบันโทษหมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายอยู่ที่ 3-15 ปี หรือเท่ากับการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา จึงเสนอให้ลดโทษเหลือแค่ 1 ปี สองคือผู้ที่สามารถฟ้องได้จะต้องเป็นสำนักพระราชวังเท่านั้น ส่วนประการสุดท้ายคือการเอาออกจากหมวดหมู่ความมั่นคง
สำหรับ นพ.วรงค์ ยืนยันว่า กฎหมายมาตรานี้ไม่ใช่ปัญหาในการพัฒนาประเทศ “วันนี้คนที่ถูกดำเนินคดีคือผู้ที่กระทำผิด แต่มีกระบวนการปั่นหัวลูกหลาน-ประชาชนให้เข้าใจผิดว่าเขาถูกกลั่นแกล้ง แต่ข้อเท็จจริงคือมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น” ซึ่งควรถูกดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังให้โอกาสหากผู้กระทำผิดเป็นเด็กหรือเยาวชน และตามกฎหมายแล้ว ผู้กระทำความผิดมีสิทธิได้รับการประกันตัว ยกเว้นแค่คนที่ผิดเงื่อนไขของศาล
ฉะนั้นกฎหมายมาตรานี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ แต่มีกระบวนการทำให้คนไทยเข้าใจผิดและให้ชาวต่างชาติเข้าใจผิด
ส่วน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่คนไทยต้องเทิดทูนไว้ และต้องดูแลเพื่อไม่ให้ใครมาก้าวล่วงได้
อย่างไรก็ตาม โทษดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย มีโทษจำคุก 3-15 ปี พรรคเสรีรวมไทยคิดว่าโทษดังกล่าวร้ายแรงมาก ควรมีการลดโทษลงมาเพื่อพี่น้องประชาชนตามความเหมาะสม โดยเสนอว่า โทษดูหมิ่นควรลดลงเหลือโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนโทษจำคุก 15 ปีควรใช้กับการกระทำที่รุนแรงกว่านี้