ในการเลือกตั้งปี 2562 ‘ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์’ จุดไฟในสายลมในนามพรรคอนาคตใหม่ไปทั่วประเทศ สารทางการเมืองตั้งต้นคือ ‘หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช.’
พรรคอนาคตใหม่คว้าชัย 6.3 ล้านเสียง คำนวณเป็น 81 ที่นั่งในสภา อยู่ในลำดับที่ 3 เหนือพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ขณะที่พรรคการเมืองในเครือชินวัตรได้รับแรงสั่นสะเทือนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สี่ปีก่อน ตลาดการเมืองที่เคยถูกเจ้าใหญ่ผูกขาดไม่กี่เจ้า ต้องเผชิญกับส่วนแบ่งการตลาดครั้งใหม่ สินค้าใหม่ในตลาดทำให้ผู้ผลิตสินค้าทุกเจ้าต้องทำงานอย่างหนัก พรรคการเมืองต่างๆ เร่งรีแบรนดิ้งพิชิตใจผู้เลือกตั้ง
21 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง และห้ามจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง
‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ส่งต่อธงนำให้ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล
อดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง รวมตัวเป็น ‘คณะก้าวหน้า’ กลุ่มทางการเมืองที่ได้มีส่วนสำคัญในการปรับภูมิทัศน์ทางการเมือง และสร้างฐานเสียงกลุ่มใหม่ๆ ให้กับพรรคก้าวไกล
คณะก้าวหน้า: ชิงชัยในสนามท้องถิ่น-รณรงค์จากข้างล่างขึ้นไปข้างบน
เมื่อแรกเริ่มตั้งพรรคอนาคตใหม่ ยุทธศาสตร์ของคณะผู้ก่อการนั้นเรียบง่าย พวกเขาหวังใช้การเลือกตั้งแปลงอุดมการณ์เป็นฐานคะแนนเสียง และชิงชัยในสภา-จัดตั้งรัฐบาล เป็นการคว้าอำนาจรัฐเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย
ทว่าเป้าหมายที่เดินขนานกันไป และสำคัญยิ่งไปกว่าอำนาจรัฐ คือการปรับภูมิทัศน์ทางการเมือง โดยเฉพาะการปักธงทางความคิด ส่งต่อความคิดทางการเมืองและวัฒนธรรมที่ก้าวหน้าให้กับสังคมไทย
นั่นจึงเป็นที่มาของคณะก้าวหน้ากับภารกิจชิงชัยในสนามเลือกตั้งท้องถิ่น เป็นที่มาของมูลนิธิคณะก้าวหน้า พร้อมแฟนเพจ ‘Common School’ ป้อนคอนเทนต์ที่ก้าวหน้า พร้อมจัดให้มี ‘ตลาดวิชา-คอร์สอบรม-คอร์สออนไลน์’ ให้ความรู้กับประชาชน ทั้งเป็นที่มาของการจัดงาน ‘Future Fest’ ที่มีคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงานล้นหลาม
สนามเลือกตั้งที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศถูกซอยย่อยลงสู่สนามเลือกตั้งท้องถิ่น หวังคืบคลานชิงชัย ‘องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น’ 7,850 แห่งทั่วประเทศ ทั้ง 4 รูปแบบ ‘องค์การบริหารส่วนจังหวัด-เทศบาล-อบต.-กทม.-พัทยา’ เป็นฐานสร้างการเปลี่ยนแปลงไปถึงการเลือกตั้งระดับชาติ
ธนาธรเชิญชวนผู้สนใจจากทั่วประเทศลงสู่สนามเลือกตั้ง “ประเทศไทยต้องการคนหน้าใหม่ๆ มาทำงานการเมือง เพื่อเอาความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ใส่เข้าไปเพื่อทำให้เกิดการแข่งขัน”
สำหรับพรรคอนาคตใหม่จนถึงคณะก้าวหน้า ‘ชนะมากหรือชนะน้อย’ ไม่เท่า ‘ปักธงทางความคิด’ พวกเขาจึงไม่สนบรรดานักวิจารณ์ว่าก้าวสู่สนามเลือกตั้งท้องถิ่นเร็วเกินไป โดยไม่เข้าใจบริบทของพื้นที่ซึ่งซื้อใจประชาชนด้วยระบบอุปถัมภ์ที่หยั่งรากยาวนานในแต่ละชุมชน
ในการเลือกตั้ง อบจ. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 คณะก้าวหน้าส่งชิงชัยตำแหน่งนายก อบจ. และสภา อบจ. ใน 42 จังหวัด จาก 76 จังหวัด ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ ทว่าอุดมการณ์ได้ถูกแปลงเป็นคะแนนเสียงกว่า 2.6 ล้านเสียง พร้อมสมาชิกสภา อบจ. อีก 55 คน ใน 18 จังหวัด
สำหรับธนาธรและคณะก้าวหน้า ‘การเมืองท้องถิ่น’ เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์จาก ‘ข้างล่างขึ้นไปข้างบน’ เป็นโมเมนตัมสำหรับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ในวันข้างหน้า ทั้งการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูประบบราชการ ยุติการรวมศูนย์อำนาจ และงบประมาณอยู่ที่รัฐราชการส่วนกลาง
แม้จะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง อบจ. ทว่าประกายไฟในสายลมจุดติดในการเลือกตั้งอีกสามครั้งต่อมา
ในเดือนมีนาคม 2564 คณะก้าวหน้าคว้าชัยในสนามเลือกตั้งเทศบาล 16 แห่ง จาก 106 แห่งที่ส่งลงชิงชัย หรือคิดเป็นร้อยละ 15 พร้อมได้สมาชิกสภาเทศบาล 136 คน
ในเดือนพฤศจิกายน 2564 คณะก้าวหน้าคว้าชัยในสนามเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล 38 แห่ง จาก 196 แห่งที่ส่งลงชิงชัย หรือคิดเป็นร้อยละ 19.4
ที่สนามเลือกตั้งเมืองพัทยา คณะก้าวหน้าส่ง ‘กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย’ ลงแข่งขัน คว้าคะแนนเสียง 8,826 คะแนน หรือร้อยละ 23 สร้างแรงเขย่าต่อบ้านใหญ่ หลังจากที่ไม่ได้เผชิญคู่ต่อสู้มาหลายทศวรรษ
เมื่อได้อำนาจรัฐ คณะก้าวหน้าทำให้เห็นทันที โดยใช้เวลาเพียง 99 วัน ผลักดันโปรเจกต์ ‘น้ำประปาดื่มได้’ ที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด จนสำเร็จ และขนสื่อมวลชนไปพิสูจน์น้ำดื่มถึงที่ ถือเป็นบริการสาธารณะที่ทำน้อยแต่ได้มาก และทำให้เกิดการเปรียบเทียบถึงคุณภาพชีวิตที่ปกครองโดยบ้านใหญ่และบ้านใหม่
ปลดล็อกท้องถิ่น: ชูนโยบาย ‘เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด’ เขย่ารัฐราชการรวมศูนย์
หลังผ่านสนามเลือกตั้งท้องถิ่น 4 รอบ คณะก้าวหน้าเปิดแคมเปญ ‘ขอคนละชื่อปลดล็อกท้องถิ่น’ หวังแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 ขจัดอุปสรรคในการกระจายอำนาจ
ใจความหลักของข้อเสนอคือ
- ปรับหน้าที่และอำนาจให้ท้องถิ่นมีอำนาจทำทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่ให้ส่วนกลางจัดทำเท่านั้น ข้อเสนอเช่นนี้ทำให้ท้องถิ่นจัดบริการสาธารณะได้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่
- แก้ไขสัดส่วนการจัดสรรงบประมาณระหว่างรัฐบาลกลางและท้องถิ่น จากสัดส่วน 65-35 (ทุกวันนี้จัดสรรให้ท้องถิ่นได้จริงอยู่ที่ร้อยละ 29) เป็น 50-50
- เสนอให้คณะรัฐมนตรีจัดทำแผนเพื่อยกเลิกระบบราชการส่วนภูมิภาคภายในสองปี และให้จัดทำประชามติเรื่องการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคภายในห้าปี
อุดมการณ์และภูมิทัศน์ใหม่ทางการเมืองที่ ‘พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า’ สร้างขึ้น จึงไม่เพียงถูกแปลงเป็นคะแนนเสียง แต่ยังแปลงเป็นข้อเสนอที่เขย่ารัฐราชการรวมศูนย์แบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งยังเป็นข้อเสนอที่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง เป็นที่มาของป้ายหาเสียงพรรคก้าวไกลที่ติดตั้งทั่วประเทศ ชูนโยบาย ‘เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด’
3 ผู้ช่วยหาเสียงในแคมเปญเลือกตั้งพรรคก้าวไกล
ในการเลือกตั้งปี 2566 ‘ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์’ กลับสู่สนามเลือกตั้งในฐานะ ‘ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล’ พวกเขาเดินสายปราศรัย ขึ้นรถแห่ เดินปูพรมทั่วประเทศ เพื่อรณรงค์ให้พรรคก้าวไกลคว้าที่นั่งในสภาสูงกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
และนี่คือสารทางการเมืองของ 3 ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
- พรรคการเมืองเดียวที่กล้าทำเรื่องยากๆ: “พรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นมาก็เพราะเราไม่เห็นว่ามีพรรคไหนที่กล้าทำเรื่องยากๆ…ถ้าเราอยากสร้างสังคมที่ดีขึ้น ต้องกล้าชนกับโครงสร้างที่อยุติธรรม…ประเทศนี้มีพรรคการเมืองเดียวที่กล้าทำ กล้าเผชิญปัญหาที่ต้นตอ กล้าต่อสู้กับกลุ่มทุนผูกขาด ต่อสู้กับรัฐราชการรวมศูนย์ นั่นคือพรรคก้าวไกล”
- พรรคก้าวไกลพร้อมกว่าพรรคอนาคตใหม่: “พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง 2566 มีความเข้มแข็งและพร้อมกว่าพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้ง 2562 มาก จากการต่อสู้และทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นหากเลือกก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนมีความคุ้มค่าแน่นอน”
- การเมืองกับปากท้องเป็นเรื่องเดียวกัน: “ถ้าการเมืองกับปากท้องมันแยกออกจากกันได้ ถ้าการแก้ปัญหาปากท้องอย่างเดียวโดยไม่ต้องแก้ปัญหาการเมืองทำให้ชีวิตคนไทยดีได้จริง คนไทยคงจะรวยไปนานแล้ว แต่ที่คนไทยไม่รวยเพราะปัญหาการเมืองเป็นแบบนี้”
- พรรคการเมืองกับกรณีซื้อบ้านใหญ่เข้าสังกัด: “สองเดือนที่ผ่านมาคุณเห็นอะไร พรรคนี้ไปซื้อบ้านใหญ่…กระโดดกันไปมา อันนี้ดูถูกประชาชนมาก เหมือนไม่มีอุดมการณ์อะไรเลย แต่ละพรรคย้ายไปบางทีอยู่ขั้วรัฐบาล สนับสนุนรัฐประหาร สนับสนุนเผด็จการมา กระโดดกลับมาอีกฝั่ง บางทีอยู่ฝั่งที่ไม่สนับสนุนเผด็จการ ย้ายกลับไปอยู่ฝั่งเผด็จการ ฝั่งทหารจำแลง เหลือเชื่อมากๆ นี่มันเป็นความล้มเหลวทางสามัญสำนึกเลย คุณจะไม่เห็นพรรคก้าวไกลไปอยู่ในสนามแบบนั้น เพราะเราไม่ได้สร้างพรรคอย่างนั้นไง”
ปิยบุตร แสงกนกกุล
- โจมตีแคมเปญก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ. ประวิตร: “ความขัดแย้งที่ผ่านมาในรอบสองทศวรรษตั้งแต่ปี 2548 ล้วนมี พล.อ. ประวิตร เป็นมูลเหตุหนึ่งของความขัดแย้งทั้งสิ้น ทั้งในการสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 การรัฐประหารปี 2557 ต่อมาก็ได้เป็นรัฐมนตรี ได้เป็นผู้ดูแล ส.ส. ที่มาสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ…การปรองดองภายใต้ พล.อ. ประวิตร จะเป็นได้แค่การปรองดองจอมปลอม”
- ปัญหาโครงสร้าง vs. ปัญหาปากท้อง: “สังเกตได้ว่าคนที่พยายามพูดอยู่เสมอว่าปากท้องต้องมาก่อนโครงสร้าง คือผู้ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าก้าวไกลทำทั้งเรื่องปากท้องและโครงสร้าง รู้อยู่แล้วว่ารัฐบาลทำทุกเรื่องพร้อมกันได้หมด รู้อยู่แล้วว่าโครงสร้างมีปัญหา แต่จงใจละเลยไม่พูดถึงเรื่องโครงสร้าง เพราะกลัวจะเจอตอ”
- พรรคก้าวไกลไม่จับมือ 3 ป.: “หากพรรคทหารจำแลงเข้ามาร่วมรัฐบาลหรือเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกลก็เป็นฝ่ายค้านได้ ดังนั้นถ้ารัฐบาลชุดหน้ามีชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ หรือ พล.อ. ประวิตร…พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ไม่มีปัญหา แต่ถ้าพี่น้องอยากเห็นพิธาเป็นนายกฯ ก็ต้องเลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย เลือกทั้งสองใบทั่วประเทศ”
- โจมตีวาทกรรมเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์: “ไม่ต้องกังวลการวิเคราะห์ของคนกลุ่มต่างๆ ว่าเราต้องลงคะแนนอย่างมียุทธศาสตร์ ต้องระวังว่าลงคะแนนแล้วเสียงไม่ตกน้ำ มันง่ายๆ แค่นี้ แค่เลือกก้าวไกลทั้งหมด ทุกเขต ทุกคน ทุกใบ ไม่ตกน้ำแน่นอน และถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล ก็จะเป็นรัฐบาลที่ชัดเจนในจุดยืนประชาธิปไตย”
พรรณิการ์ วานิช
- ในขณะที่ ‘ปิยบุตร-ธนาธร’ ใช้การปราศรัยเป็นวิธีหลักในการรณรงค์ทางการเมือง แต่ ‘พรรณิการ์’ ใช้ประสบการณ์จากแวดวงสื่อมวลชน ถ่ายทอดสารทางการเมืองมาให้เห็นแบบเป็นภาพ เป็นคลิป เธอพาไปไลฟ์ถึงโรงประปาอาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อถ่ายทอดความสำเร็จของระบบน้ำประปาที่ก้าวหน้าและทันสมัยที่สุดในประเทศไทย
- ‘พรรณิการ์’ ปล่อยคลิปทาง TikTok ของพรรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอถึงปัญหา นโยบาย และแคมเปญของพรรค ล่าสุดเธอตามไปแก้ข่าวเรื่องพรรคก้าวไกลเสนอตัดบำนาญข้าราชการถึงในต่างจังหวัด
- ถ้าได้ขึ้นเวที ‘พรรณิการ์’ จะส่งสารทางการเมืองว่า “ประเทศไทยจะแย่กว่านี้มากถ้าที่ผ่านมาไม่มี ส.ส. ก้าวไกลในสภา และประเทศไทยสามารถดีกว่านี้ได้อีกมากด้วยการมี ส.ส. จากพรรคก้าวไกล” เพราะถ้าไม่มี ส.ส. ก้าวไกล ประชาชนอาจต้องเสียงบประมาณมหาศาลเพื่อจะได้เรือดำน้ำ คนไทยอาจไม่รู้ความสัมพันธ์ของผู้มีอำนาจกับทุนจีนสีเทา การที่ชูวิทย์หอบหลักฐานให้รังสิมันต์ตรวจสอบก็เพราะทราบดีว่าพรรคก้าวไกลไม่มีนอกไม่มีในกับใคร
เมื่อก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ธนาธรมักเล่าว่าการเมืองใหม่ที่เขาทำอยู่เป็นการเมืองเกมยาว เขามักพูดถึงการเลือกตั้งสามรอบ นั่นคือการเลือกตั้งปี 2562 ปี 2566 และปี 2570 จะเป็นการเลือกตั้งสามรอบของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลในลักษณะสั่งสมกำลังและชัยชนะ โดยเป็นการชิงอำนาจรัฐ คู่ขนานกับการเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองขนานใหญ่
ให้หลังจากการเลือกตั้งใหญ่ 3 รอบ ทั้ง 3 ผู้ช่วยหาเสียงจะกลับสู่สนามเลือกตั้งเต็มรูป นับจากปี 2573 เป็นต้นไป