นักวิเคราะห์ของ Citibank เปิดเผยรายงานคาดการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจีน โดยระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ตัดสินใจชะลอการคาดการณ์การฟื้นตัวของตลาดหุ้นฮ่องกงภายใน 3 เดือน
ดังนั้นแทนที่ตลาดหุ้นฮ่องกงจะฟื้นตัวในเดือนมิถุนายนตามแผนเดิมที่คาดไว้ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่อีกสองตลาด กลับมีความเป็นไปได้ว่าดัชนี Hang Seng จะใช้เวลาจนถึงสิ้นเดือนกันยายนกว่าจะไต่ระดับไปถึง 24,000 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าระดับปัจจุบันประมาณ 18%
นอกจากนี้รายงานของ Citibank ระบุว่า จากการวิเคราะห์ผลประกอบการปี 2022 ของบริษัทจีน 316 แห่ง พบว่าส่วนใหญ่ขาดทุนมากกว่ากำไร ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกปี 2023 น่าจะอ่อนแอลงเนื่องจากการฟื้นตัวหลังโควิดดูเหมือนจะช้ากว่าที่คาดไว้
โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี พบว่าจีนมีรายงานการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่รายได้จากอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง JD.com และ Alibaba ยังแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย
กระนั้นก็มีรายงานของธุรกิจอีกส่วนหนึ่ง เช่น Tencent ที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจต่างๆ เต็มใจที่จะใช้จ่ายในการโฆษณามากขึ้น โดยในกรณีของ Tencent ก็คือบัญชีวิดีโอและพอร์ทัลอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตของบริษัท
ทั้งนี้ในมุมมองของ Citibank หุ้นจีนที่ยังน่าลงทุนคือหุ้นของบริษัท Tencent, TopSports, Sinopharm, Sands China, Chow Tai Fook และ Air China
ด้านนักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งมองว่าการส่งออกที่ลดลงจากการเติบโตที่ช้าลงในสหรัฐอเมริกาและยุโรปกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน ควบคู่ไปกับการตกต่ำในภาคอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยนักวิเคราะห์กลยุทธ์สินเชื่อของ Goldman Sachs คาดว่าอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนจะอยู่ที่ 19% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่า 46.4% ในปีที่แล้ว แต่ “ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงจังหวะการฟื้นตัวที่ไม่แน่นอนของตลาดอสังหาริมทรัพย์”
ขณะเดียวกันช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานตรงกันเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันที่ยกระดับขึ้น จากการที่กองทัพจีนเดินหน้าซ้อมรบทางน้ำด้วยการจำลองการโจมตีไต้หวันเป็นวันที่ 2 บริเวณรอบเกาะไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจยังไม่ได้มีการนำมาวิเคราะห์เชิงลึก
ทั้งนี้ การซ้อมรบครั้งนี้จะกินเวลา 3 วัน โดยเริ่มต้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน และจะสิ้นสุดลงในวันนี้ (10 เมษายน)
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- มหาเศรษฐีจีนโล่งใจได้นานแค่ไหน? หลังรัฐบาลจีนเปลี่ยนท่าทีมาเป็นมิตรกับภาคธุรกิจมากขึ้น
- พญามังกรจะผงาดหรือกลับหัว? เมื่อเศรษฐกิจจีนโตเกินคาด แต่ภาระหนี้ยังจ่อทะลุเพดาน จับตาท่าที ‘สีจิ้นผิง’ ชี้ชะตาผลลัพธ์
- จริงหรือที่ ‘อินเดีย’ กำลังจะเป็นโรงงานของโลกแห่งใหม่ต่อจากจีน? ถึงขั้นที่การผลิต 1 ใน 4 ของ ‘iPhone’ จะย้ายมาที่นี่ภายในปี 2025
อ้างอิง: