วันนี้ (7 เมษายน) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พร้อมด้วย อนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมายื่นฟ้องทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีที่ษิทราจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เช่น วันที่ 23, 24-27 มีนาคม
โดยเนื้อหาระบุว่าชูวิทย์รับเงินจากเว็บการพนัน และ พ.ต.ท. วสวัตติ์ มุครสกุล หรือ สารวัตรซัว อดีตสารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 10 ล้านบาท พร้อมเผยแพร่ภาพกราฟิกถุงกระดาษบรรจุเงิน 2 ถุง ทำให้เนื้อหาข่าวถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างกว้างขวาง เป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อชูวิทย์และลูกชายอีกคน เพราะษิทรายังพาดพิงว่าลูกชายชูวิทย์รับเงินสกุลดิจิทัลด้วย
ด้านอนันต์ชัยกล่าวว่า จากความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ยื่นฟ้องษิทราในข้อหาหมิ่นประมาทฯ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท และให้ลงถ้อยคำขอโทษ 45 สื่อ ประกอบด้วยสื่อโทรทัศน์ 10 สำนัก, หนังสือพิมพ์ 14 สำนัก, สื่อออนไลน์ 21 สำนัก
ทั้งนี้ประเด็นที่หลายฝ่ายมองว่าชูวิทย์กลับคำพูดไปมาเรื่องแหล่งที่มาเงิน 6 ล้านบาท เรื่องนี้ตนยอมรับว่าเป็นคนเขียนบทพูดให้ชูวิทย์ชี้แจงต่อสื่อ การทำลักษณะนี้เปรียบเหมือนการวางกลยุทธ์ วางแผนในการต่อสู้
ขณะที่ชูวิทย์ระบุว่า ศาลได้รับฟ้องคดีดังกล่าวแล้ว นัดไต่สวนวันที่ 19 มิถุนายนนี้ เวลา 13.00 น. พร้อมยืนยันว่าจากนี้แม้ษิทราจะติดต่อมาขอโทษ จะไม่มีการยอมความใดๆ เนื่องจากเงิน 100 ล้านบาทตามที่ฟ้องนี้จะนำไปทำบุญทั้งหมด
ทั้งนี้ในวันจันทร์ที่ 10 เมษายน ตนจะยื่นร้องต่อสภาทนายความฯ ให้สอบมรรยาทษิทรา เนื่องจากมีพฤติกรรมหลายอย่างที่เข้าข่ายผิดต่อมรรยาททนายความ ซึ่งโทษอาจสูงถึงขั้นลบชื่อออกจากทำเนียบทนายความ
จากนั้นชูวิทย์พร้อมด้วย สกลชัย ลิมป์สีสวรรค์ ทนายความ เดินทางไปต่อที่ศาลแพ่ง เพื่อยื่นขอเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในกรณีที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว พรรคภูมิใจไทยร้องขอห้ามชูวิทย์กล่าวถึงนโยบายกัญชาเสรีในช่วงระหว่างการหาเสียง
ขณะที่อนันต์ชัยกล่าวแทนในเชิงข้อกฎหมายว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคการเมือง และกรณีกัญชา ปัจจุบันมีการใช้อย่างแพร่หลายและเป็นที่ปรากฏตามข่าวสารหลายครั้งว่าเกิดผลเสียต่อประชาชนและเยาวชนที่เข้าใช้กัญชาอย่างเสรี
นอกจากนี้ยังมีนักกฎหมายออกมาให้ความเห็นว่า การที่ชูวิทย์ให้ข้อมูลเรื่องกัญชาไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ส่วนตัวสนับสนุนแนวทางชูวิทย์ที่จะรณรงค์ปราศรัย ถึงแม้ที่ผ่านมาตนมองว่าเป็นเรื่องดี แต่ท้ายที่สุดแล้วมีผลเสียมากกว่า
ด้านสกลชัย ทนายความในคดีนี้ระบุว่า ภายหลังการยื่นขอให้เพิกถอนคำสั่ง จะยื่นขอให้ศาลแพ่งไต่สวนฉุกเฉินด้วยในประเด็นที่ สนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับประเด็นพัฒนาที่ดินสวนชูวิทย์ บริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 เป็นโครงการอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่สูง 51 ชั้น
ส่วนชูวิทย์กล่าวว่า ในอนาคตเรื่องนี้อาจจะต้องใช้บริการทนายอนันต์ชัย พร้อมถามกลับสนธิว่า “อยากได้สวนชูวิทย์มากใช่ไหม ถึงกับไปประกาศกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่าจะยึดผม”
ชูวิทย์กล่าวต่อไปว่า สนธิอาจจะมั่นใจว่ามีอำนาจ บารมี มีเครือข่ายมาก แต่ตนมีเจตนารมณ์ดี ตนไม่อยากตอบโต้ แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำ โดยจะนัดแถลงข่าวต่อไปในอนาคต ระหว่างนี้ขอให้สนธิพูดทุกอย่างที่อยากพูดให้หมด พร้อมยืนยันว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีเท่าตนเอง ตอนเปิดให้บริการสวนสาธารณะ สนธิหายไปไหน ตนติดคุกอยู่จนพ้นโทษออกมา สนธิหายไปไหน