หวนคืนสู่ตลาดชาครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่? เมื่อบุญรอดฯ จับมือ OR ส่ง 2 โปรดักต์ใหม่ กาแฟพร้อมดื่มอเมซอน-ชาพร้อมดื่มฮารุ มาในรูปแบบพรีเมียม ราคาเข้าถึงง่าย 30-35 บาท เจาะกลุ่มนักศึกษาและวัยทำงาน นับเป็นก้าวสำคัญที่บุญรอดฯ หวนคืนตลาดชาพร้อมดื่มอีกครั้ง
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าธุรกิจใหญ่ได้จับมือกันสร้างโอกาสการเติบโตในตลาดใหม่ๆ ไม่เว้นแต่ OR และบุญรอดเทรดดิ้ง นับเป็นที่น่าจับตาอย่างมากที่บุญรอดฯ ได้หวนคืนสู่ตลาดชาพร้อมดื่มอีกครั้ง หลังจากเมื่อหลายปีก่อนเคยย่างกรายเข้ามาในธุรกิจชาทำตลาดในชื่อแบรนด์โมชิ แต่ก็ต้องหยุดทำตลาดไปเพราะสู้การแข่งขันไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ชาเขียวฟื้นแล้วแต่ยังไม่มากพอ ‘ตัน ภาสกรนที’ มองหาน่านน้ำใหม่ ส่ง ‘ตันซันซู’ น้ำอัดลมสไตล์เกาหลี ปีแรกหวังรายได้ 500 ล้านบาท
- Café Amazon เปิดเกมรุก อัปเกรดรสชาติให้คงที่ ปีหน้าพร้อมลงทุนขยาย 400 สาขาในไทย-ต่างประเทศ กวาดลูกค้ารอบทิศ
- ผ่าแผนธุรกิจ OR บนวิชันซีอีโอใหม่ วาง Strategy อย่างไรให้ธุรกิจโตต่อ
แน่นอนว่าการที่บุญรอดฯ หวนคืนสู่ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มครั้งนี้ มาในแบรนด์ฮารุ ที่แปลว่าฤดูใบไม้ผลิ ชูจุดขายของใบชาเกรดพรีเมียมจากไร่สิงห์ปาร์ค ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาจะแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด เพราะมีความโมเดิร์นและพรีเมียม ที่สำคัญตลาดชาพรีเมียมยังมีผู้เล่นไม่มาก และเติบโตกว่า 10% ทำให้บริษัทมีโอกาสอีกมาก
ถือเป็นมูฟเมนต์ใหญ่ที่ต้องจับตาดูว่าผลิตภัณฑ์จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมูลค่า 11,213 ล้านบาท ที่มีผู้เล่นรายใหญ่อย่างอิชิตันและโออิชิที่ได้ยึดส่วนแบ่งตลาดไว้หมดแล้ว แถมยังต้องเผชิญการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเช่นเดิม
ขณะเดียวกันการจับมือระหว่าง OR และบุญรอดเทรดดิ้ง เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ‘ดริ้ง เอนเทอร์ไพรซ์’ เพื่อบุกตลาดเครื่องดื่มสำเร็จรูป ล่าสุดได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ กาแฟพร้อมดื่ม คาเฟ่ อเมซอน และฮารุ โคลด์บรูว์ กรีนที
ทันทีที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ก็ได้ทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ พร้อมตั้งเป้าสร้างยอดขายให้ได้ 1,000 ล้านบาทภายใน 1-2 ปี และจะใช้เวลาประเมินตลาดประมาณ 3-6 เดือน หากได้รับการตอบรับดีก็จะเริ่มพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ๆ ต่อไปทันที
เมื่อเจาะลึกถึงกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงาน ดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) และ ภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันการรุกเข้าไปตลาดเซ็กเมนต์ใหม่ๆ เพียงคนเดียวอาจจะเหนื่อยและโตได้ช้า ซึ่งการมีพาร์ตเนอร์เข้ามาช่วยจะทำให้เติบโตได้เร็วกว่า
ทั้งนี้ การร่วมมือนี้เป็นการรวมจุดแข็งของทั้งสองบริษัทที่ต่างมีความเชี่ยวชาญ เริ่มตั้งแต่กลุ่มกาแฟพร้อมดื่ม OR ได้นำจุดแข็งของแบรนด์อเมซอนที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มผู้บริโภค
ยิ่งไปกว่านั้นจะสามารถรองรับแนวโน้มการบริโภคกาแฟของคนไทยเพิ่มขึ้น 15,000 กิโลกรัมต่อปี โดยเฉพาะกาแฟพรีเมียมพร้อมดื่มมูลค่า 26,000 ล้านบาท มีโอกาสโตอย่างมาก และเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์คอกาแฟที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วได้
ขณะที่บุญรอดเทรดดิ้งจะใช้ความชำนาญเรื่องการจัดจำหน่ายเข้ามาช่วยกระจายสินค้าไปยังร้านค้าในต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ