ฉินกัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน ออกมาเตือนวานนี้ (7 มีนาคม) ว่า ความขัดแย้งและการเผชิญหน้ากับสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากสหรัฐฯ ยังดึงดันไม่เปลี่ยนแนวทางที่มีต่อจีน
ก่อนหน้านี้ ฉินกัง เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเขาได้ชื่อว่าเป็นนักการทูตที่มีความรอบคอบสูงและประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง ก่อนที่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเขาจะถูกแต่งตั้งให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สำหรับการปรากฏตัวในตำแหน่งใหม่ครั้งแรกในการประชุมสองสภา ฉินกัง มีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ มากขึ้น โดยเตือนถึงหายนะที่จะตามมาจากการพนันโดยประมาทของสหรัฐฯ ซึ่งหมายถึงนโยบายต่างประเทศและแนวปฏิบัติที่สหรัฐฯ มีต่อชาติมหาอำนาจอย่างจีน
“หากสหรัฐฯ ไม่ยอมเหยียบเบรก แถมยังเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปในทางที่ผิด ราวกั้นกี่อันก็ไม่สามารถป้องกันสหรัฐฯ ไม่ให้ตกรางได้ และแน่นอนว่าจะมีความขัดแย้งและการเผชิญหน้าตามมา” ฉินกัง กล่าวนอกรอบการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ณ กรุงปักกิ่ง
ฉินกัง ได้บรรยายถึงลักษณะนโยบายต่างประเทศของจีนในปีข้างหน้า โดยตำหนิสหรัฐฯ ที่เพิ่มความตึงเครียดในระดับทวิภาคี และปกป้องพันธมิตรใกล้ชิดอย่างรัสเซีย ท่ามกลางช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกกำลังย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยความตึงเครียดรอบใหม่ได้ปะทุขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หลังบอลลูนสอดแนมของจีนลอยรุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของสหรัฐฯ และถูกเครื่องบินรบยิงตกในเวลาต่อมา
สำหรับกรณีดังกล่าว ฉินกัง กล่าวว่า สหรัฐฯ ทำเกินกว่าเหตุ จนนำไปสู่วิกฤตทางการทูต ซึ่งแท้จริงแล้วสามารถเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้ และตอกย้ำมุมมองของสหรัฐฯ ที่ว่าจีนเป็นคู่แข่งคนสำคัญ และเป็นความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด
ส่วนในกรณีของรัสเซียนั้น ที่ผ่านมาจีนได้ปฏิเสธที่จะประณามรัสเซียฐานส่งทหารเข้ารุกรานยูเครน ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของจีนกับชาติตะวันตกนั้นสั่นคลอนไปด้วย แม้จีนจะวางตัวเป็นกลางและพยายามที่จะเป็นกาวใจสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น แต่คำกล่าวของ ฉินกัง ล่าสุดนั้นก็ยังมีการปกป้องรัสเซียอย่างเห็นได้ชัด โดยเขากล่าวว่า ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียไม่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศใดๆ ในโลก และจะไม่ถูกแทรกแซงโดยบุคคลที่สาม
“ยิ่งโลกขาดเสถียรภาพมากเท่าไร ก็ยิ่งจำเป็นที่จีนและรัสเซียจะต้องพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น” เขากล่าว
ภาพ: VCG / VCG via Getty Images
อ้างอิง: