Be On Cloud หนึ่งในค่ายผู้ผลิตซีรีส์ชื่อดังที่เพิ่งเปิดตัวโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังต้องเผชิญกับพายุลูกใหญ่ที่ค่ายและผู้บริหารยังไม่สามารถรับมือได้
สำหรับสายซีรีส์ไทยคงไม่มีใครไม่คุ้นหูชื่อของ Be On Cloud ค่ายดูแลศิลปินและผลิตซีรีส์ เจ้าของหนึ่งในผลงานที่ประสบความสำเร็จที่สุดในปี 2565 อย่าง KinnPorsche The Series ซีรีส์มาเฟียที่มีผู้ชมไปทั่วโลก การันตีด้วยยอดการขึ้นเทรนด์โลกบนทวิตเตอร์ได้ถึง 9 ตอนใน 29 พื้นที่ทั่วโลก พร้อมกิจกรรมเวิลด์ทัวร์สุดยิ่งใหญ่ที่เดินทางไปแสดงในหลากหลายเมืองทั่วเอเชีย ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวทำให้ Be On Cloud เดินหน้าเข้าสู่เฟสที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการประกาศโปรเจกต์ยักษ์รวม 4 โปรเจกต์ในงาน BOC’s 2023 PROJECTS LINEUP
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- บิว จักรพันธ์ นักแสดง KINNPORSCHE THE SERIES ถูกแฉหลักฐานทำร้ายร่างกาย ขณะนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
- เหนือเมฆสะเทือน! แฟนคลับเท บัตรคอนเสิร์ตคินน์พอร์ชฯ หลังเกิดแฮชแท็ก #BoycottBOC
แต่ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อ บิว-จักรพันธ์ พุทธา หนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งของค่ายถูกแฉในกรณีทำร้ายร่างกายแฟนสาว หนึ่งในนักเขียนนิยายต้นฉบับ KinnPorsche The Series พร้อมหลักฐานที่ค่อนข้างแน่นหนา จนกลายเป็นประเด็นร้อนลากยาวหลายสัปดาห์ แน่นอนว่า Be On Cloud ในฐานะต้นสังกัดก็ถูกร่างแหไปกับเรื่องนี้ด้วย และ ปอนด์-กฤษดา วิทยาขจรเดช เจ้าของค่ายก็กลายเป็นคนที่ถูกสังคมและแฟนคลับจับตามองอย่างเลี่ยงไม่ได้ในทันที พ่วงด้วยอนาคตของนักแสดงอีก 15 คนในค่ายที่ก็ถูกจับจ้องไม่แพ้กัน
ภาพ: @krispond.w / Instagram
ระหว่างที่ไฟเรื่องนี้กำลังร้อนระอุและอยู่ในความสนใจของสังคม ในวันที่ 28 มกราคม บิวก็ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์พร้อมประกาศลาออกจากค่ายเพื่อไม่ให้เรื่องของเขาไปกระทบกับอนาคตของเพื่อนๆ นักแสดง ซึ่งก็ดูเหมือนว่า Be On Cloud น่าจะเอาตัวรอดจากปัญหานี้ไปได้แล้ว แต่ก็กลับกลายเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอเมื่อปอนด์โพสต์คลิปวิดีโอโอบกอดให้กำลังใจบิวลงในอินสตาแกรมส่วนตัว
หลังจากคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกปล่อยออกไปทั้งปอนด์และ Be On Cloud ก็กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างทันที จนทำให้แฮชแท็ก #BoycottBOC ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์แซงหน้าแฮชแท็กร้อนอย่าง #บิวทำร้ายร่างกายผู้หญิง ที่ติดเทรนด์มาตลอดสัปดาห์ เนื่องจากชาวเน็ตและแฟนคลับส่วนใหญ่มองว่าปอนด์กำลังสนับสนุนการกระทำของบิว ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นความรุนแรง
การเคลื่อนไหวของปอนด์ในครั้งนั้นดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตอย่างเป็นทางการ เมื่อบัตรคอนเสิร์ต KINNPORSCHE THE SERIES WORLD TOUR 2023 และ KINNPORSCHE THE SERIES WORLD TOUR 2022 WTF ที่เปิดจำหน่ายในวันถัดมา (29 มกราคม) เหลืออยู่ในระบบกว่าพันใบ และไม่สามารถประกาศ Sold Out ได้จนถึงวันงานในช่วงวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมถึงบ้านแฟนคลับหลายๆ บ้านก็ทยอยออกมาประกาศงดสนับสนุนงานของศิลปินที่เกี่ยวข้องกับค่าย และอีกส่วนหนึ่งก็ออกมาประกาศขอพักกิจกรรมและปิดบ้านไป สาเหตุหลักก็เพราะแฟนคลับหลายคนหมดศรัทธากับปอนด์จนไม่อยากสนับสนุนกิจกรรมของนักแสดงที่เกี่ยวข้องกับค่ายอีกต่อไป
ภาพ: @beoncloud.official / Instagram
นอกจากแรงปะทะจากแฟนคลับฝั่งที่ไม่เห็นด้วยแล้ว Be On Cloud ยังต้องรับมือกับแฟนคลับฝั่งบิวที่ก็มีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ข้อความโจมตีค่ายและเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ บนโซเชียลมีเดีย การเทรนด์แฮชแท็กสนับสนุนบิว ไปจนถึงการสร้างสถานการณ์ตามกิจกรรมต่างๆ ของค่าย
อย่างงาน KINNPORSCHE THE SERIES WORLD TOUR ที่ฮ่องกงซึ่งจัดขึ้นหลังจากบิวประกาศลาออกจากค่ายไปแล้ว ก็มีการตะโกนชื่อของเขาพร้อมเปิดไฟสีฟ้าระหว่างการแสดง มีการนำป้ายผ้าขนาดใหญ่ที่เขียนสนับสนุนบิวขึ้นไปถ่ายภาพกับนักแสดงคนอื่นๆ บนเวที รวมถึงมีการตะโกนเรียกหาบิวใส่เหล่านักแสดงระหว่างขึ้นรถตู้
นอกจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นระหว่างการแสดงในฮ่องกงแล้ว ยังมีการข่มขู่ใช้ความรุนแรงกับแฟนคลับ ทีมงาน รวมถึงนักแสดงในงานเวิลด์ทัวร์ที่โฮจิมินห์อีกด้วย ซึ่งคำขู่ดังกล่าวก็ส่งผลให้ Be On Cloud จำเป็นจะต้องประกาศยกเลิกการแสดงที่เมืองโฮจิมินห์ไปเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
ล่าสุดในงานเวิลด์ทัวร์รอบสุดท้ายอย่าง KINNPORSCHE THE SERIES WORLD TOUR 2022 WTF ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีประเด็นของเจ้าของค่ายเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังปอนด์ขอใช้พื้นที่ในช่วงท้ายงานกล่าวอำลาตัวละคร ‘พีท’ แทนบิว พร้อมข้อความตอนหนึ่งว่า “ชีวิตจริงเขา (บิว) จะเป็นอย่างไร ผมไม่สามารถตอบแทนทุกคนได้ แต่พีทที่เขาทำไว้จะอยู่ในใจทุกคนเสมอ” ซึ่งคำพูดนี้ก็เป็นเหมือนเครื่องยืนยันสำหรับแฟนๆ แล้วว่าปอนด์สนับสนุนบิวโดยไม่ได้คำนึงถึงภาพลักษณ์และความเป็นไปของนักแสดงที่เหลือ
อีกหนึ่งเรื่องน่าตกใจที่เกิดขึ้นในงานเดียวกัน คือการประกาศลาออกจาก Be On Cloud ของ เจฟ ซาเตอร์ เพื่อเดินหน้าทำงานภายใต้ Studio On Saturn ที่เขาตั้งขึ้นเอง โดยเจฟยืนยันว่าตัวเขายังคงร่วมงานกับ Be On Cloud ได้เหมือนเดิม และโปรเจกต์ Wuju Bakery (우주빵집) ที่จะเริ่มถ่ายทำในเร็วๆ นี้ก็ยังดำเนินต่อไปเป็นปกติ ส่วนในพาร์ตงานเพลงของเจฟนั้นยังอยู่ใต้การดูแลจาก Wayfer Records ค่ายลูกของ Warner Music Thailand เช่นเดิม
ภาพ: @beoncloud.official / Instagram
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาราวๆ สองเดือนเท่านั้นนับตั้งแต่การประกาศไลน์อัพโปรเจกต์ใหม่ของค่าย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวิกฤตที่ทำให้ Be On Cloud ที่เคยอยู่เหนือเมฆมาตลอดตกลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนจะไม่สามารถกลับขึ้นมาได้ในเร็ววัน
ดังนั้นสิ่งที่น่าเป็นห่วงต่อจากนี้ จึงไม่ใช่แค่อนาคตของนักแสดงคนอื่นๆ ที่โดนร่างแหไปกับกรณีนี้แบบเต็มๆ แต่มันอาจจะส่งผลไปถึงโปรเจกต์ที่เปิดตัวไปแล้วอย่าง The Hidden Character (THC), Wuju Bakery (우주빵집) และ แมนสรวง ที่กำลังเดินหน้าเตรียมงานกันอย่างเต็มที่ด้วย ซึ่งส่วนนี้เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่ากระแสตอบรับของผลงานเหล่านี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ภายใต้แรงกดดันจากหลายๆ ทาง
ในขณะที่ซีรีส์ 4 MINUTES ที่ถูกวางตัวแสดงหลักให้เป็น ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล และ บิว-จักรพันธ์ พุทธา ก็น่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในเร็วๆ นี้ แม้ว่าค่ายยังไม่ได้ออกมาอัปเดตสถานะของโปรเจกต์นี้ แต่ผู้เขียนก็คาดว่าค่ายไม่น่ามีตัวเลือกมากนักในการแก้ไขสถานการณ์หากต้องการให้ซีรีส์เริ่มต้นถ่ายทำได้ตามแผนที่วางไว้ เว้นแต่ว่าจะเลื่อนการถ่ายทำโปรเจกต์นี้ออกไป ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทางใดก็น่าจะเกิดผลกระทบที่รุนแรงและยากจะคาดเดาได้ทั้งนั้น
หากในเร็วๆ นี้ปอนด์ยังไม่หยุดพูดถึงบิวหรือเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อกรณีของเขา กราฟความนิยมของค่ายคงพุ่งขึ้นมาแตะจุดที่เคยอยู่ได้ยาก แม้ว่าฐานแฟนคลับของศิลปินคนอื่นจะเหนียวแน่นแค่ไหนก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้วในตลาดยังมีผลงานมากมายให้แฟนๆ ได้เลือกเสพ พวกเขาสามารถหันไปสนับสนุนศิลปินกลุ่มอื่นหรือผลงานจากค่ายอื่นได้ทุกเมื่อ ตราบใดที่วงการนี้ยังมีซีรีส์ที่คุณภาพดีกว่าและมีประเด็นดราม่าน้อยกว่า
จริงอยู่ที่ความสัมพันธ์ของคนเราเป็นเรื่องที่ยากจะตัด การให้กำลังใจกันในฐานะพี่ เพื่อน หรือหัวหน้า มันจึงไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลกอะไร แต่ในฐานะประธานค่ายที่พ่วงท้ายด้วยภาพลักษณ์ของบริษัทและนักแสดงเอาไว้ การให้กำลังใจบุคคลที่มีประเด็นเรื่องการทำร้ายร่างกายอย่างบิวบนหน้าสื่อจึงไม่ได้ต่างอะไรกับการเลือกข้างที่ส่งผลให้สถานการณ์ต่างๆ แย่ลง
แน่นอนว่าในด้านของโปรดักชัน การแสดง และคุณภาพงาน Be On Cloud ยังคงเป็นค่ายที่ทำสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ดีโดยไม่มีข้อกังขา ซึ่งมันทำให้เราค่อนข้างเสียดายความสามารถของทีมงานทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้าที่ต้องมารับผลกระทบระยะยาวนี้ร่วมกับค่าย
อย่างไรก็ตามบทความนี้เป็นเพียงการคาดการณ์สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นกับ Be On Cloud เท่านั้น ส่วนในระยะยาวเราคงต้องจับตามองกันต่อไปว่าท่าทีของทั้งค่ายและแฟนคลับจะเป็นไปในทิศทางไหน แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็หวังว่าการตกจากเหนือเมฆในครั้งนี้จะไม่ทำให้ทีมงานดีๆ และนักแสดงคุณภาพของค่ายต้องเจ็บตัวมากนัก