บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2565 มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม จำนวน 6,428 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัท จำนวน 5,220 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมและบริษัทย่อย และการขยายสินเชื่อผ่านธนชาต พลัส
สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม จำนวน 6,428 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท จำนวน 5,220 ล้านบาท ลดลง 1.27% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง เนื่องจากในปี 2564 บริษัทรับรู้รายได้ที่เป็นรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA ดังกล่าว บริษัทจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.7% ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่สำคัญเติบโตขึ้น และสามารถทำผลงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดคลี่คลายลง ประกอบกับการที่บริษัทลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมไปถึงการขยายสินทรัพย์ผ่านการให้เงินกู้ยืมแก่ธนชาต พลัสในการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน ซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ โดยบริษัทมีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเหล่านี้จะสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การลงทุนเพิ่มขึ้นและการขยายสินทรัพย์ดังกล่าว บริษัทยังไม่ได้รับประโยชน์เต็มปีในปี 2565 กล่าวคือ บริษัทเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธนาคารทหารไทยธนชาต จาก 23.32% เป็น 24.87% และราชธานีลิสซิ่ง จาก 60.16% เป็น 60.61% ในช่วงระหว่างปี 2565 และซื้อหุ้นของธนชาตประกันภัยและหลักทรัพย์ธนชาตเพิ่มเติมในไตรมาส 4 ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นจาก 50.96% เป็น 89.96%
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายสินทรัพย์ผ่านการให้เงินกู้ยืมแก่ธนชาต พลัส ส่งผลให้สินเชื่อเติบโตจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท ซึ่งรวมเป็นเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อเพิ่มเติมจำนวน 8,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากพอร์ตเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อปี 2564 ของบริษัท แต่เม็ดเงินที่ใส่เพิ่มเข้าไปนั้นจะได้รับผลตอบแทนเต็มปีในปี 2566
“สำหรับการเติบโตในปี 2566 คาดจะมาจาก 2 ส่วนด้วยกันคือ จากการเติบโตของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิด และจากเงินลงทุนที่ใช้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมทั้งเงินให้กู้ยืมเพิ่มเติมแก่ธนชาต พลัส” สมเจตน์ระบุ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567