วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายเข้าพบ ได้มีการหารือถึงแนวทางการปฏิบัติตามมาตรา 169 หลังยุบสภาแล้ว อะไรทำได้หรือทำไม่ได้หรือไม่ว่า ไม่ต้องคุย ทุกอย่างมีอยู่แล้ว โดยให้ฝ่ายกฎหมายสรุปมาแล้วว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ ใช้งบประมาณอย่างไร ทำงานได้แค่ไหน ซึ่งต้องระมัดระวังและชี้แจงในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับระเบียบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกอย่างมีรายละเอียดหมดแล้ว
พล.อ. ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มจะยุบสภาว่า ต้องดูเวลาว่าการย้ายพรรคพอหรือไม่ อีกทั้งต้องอยู่ในความเหมาะสมด้วย ส่วนคำว่าครบหรือไม่ครบวาระรัฐบาลนั้น หากความหมายของคำว่าครบคือวันที่ 23 มีนาคมนั้น พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า “คงไม่ถึง แต่ต้องให้เวลาด้วย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนการโยกย้ายข้าราชการต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนยุบสภาหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกอย่างมีกติกาอยู่แล้ว ย้ายด้วยตามระเบียบหรืออะไร หลายอย่างทำได้ บางอย่างควรทำ ไม่ควรทำ หรือความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้ประสาน กกต. เพื่อให้เห็นชอบและอนุมัติ
พล.อ. ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงว่า การลงพื้นที่มีการกำหนดไว้แล้ว จะลงพื้นที่อย่างไร ภาคไหนบ้าง การหาเสียงเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ต้องทำ แต่การหาเสียงบางครั้งก็ต้องพิจารณาถึงสิ่งที่เราเคยทำมาแล้วว่าทำได้หรือไม่ และที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะลงพื้นที่หาเสียงเพื่อเปิดประตูสู่ทุกภาคหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ไปทุกบ้านเหรอ ก็คงต้องไปทุกภาค หากพรรคจัดก็ต้องไป พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจเรื่องลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ขอพิจารณาดูก่อน
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวต่อไปถึงนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติว่า อยู่ในขั้นตอนที่เริ่มดำเนินการ และอยู่ในระดับที่พอใช้ได้แล้ว ซึ่งการทำนโยบายต้องทำอย่างระมัดระวัง และต้องทำได้จริง หากทำไม่ได้ก็เสียหาย โดยไม่อยากให้เป็นอย่างที่ผ่านมา และได้พิจารณาว่าเราทำอะไรมาแล้วบ้าง อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ต้องทำต่อ ส่วนอะไรที่น้อยอยู่ต้องทำให้มากขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะอยู่ช่วยงานต่อหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า “ยังไม่พูดกันตรงนี้ ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ยังทำงานอยู่กับเรา ท่านก็มีข่าวอยู่ในโซเชียลในสื่ออยู่แล้ว เราไม่ไปยุ่งเกี่ยว แล้วแต่ความสมัครใจ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะเปิดตัวทีมเศรษฐกิจออกมาหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เคยเห็นทีมเศรษฐกิจที่เก่งคนเดียว พร้อมยอมรับว่าตนเองไม่เก่งด้านเศรษฐกิจ แต่สามารถประคับประคองประเทศมาแล้ว 8 ปี เพราะมีทีมงานที่ทำด้วยกัน ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ข้าราชการ
“ถ้าพูดถึงทีมเศรษฐกิจ เอานักธุรกิจมา นักธุรกิจก็อีกแบบ เขาบริหารบริษัทของเขา มีหน่วยงานข้างล่างค่อนข้างจะเพอร์เฟกต์อยู่แล้ว ทำอย่างไรให้มีกำไรมากขึ้น มีแผนก มีฝ่ายอะไรต่างๆ และมีคนไม่กี่ร้อย อย่างมากพนักงานลูกจ้างเป็นพันคน แต่รัฐบาลทำเศรษฐกิจให้กับคน 70 ล้านคน บริษัทใหญ่ไม่ล่มสลายนี่ก็เก่งแล้ว และได้รับคำชมเชยพอสมควร ทำไมไม่มองตรงนี้
“เธอถามอยู่แบบนี้ ใครจะเป็นนักเศรษฐกิจ ผู้นำเศรษฐกิจ จนเขากลัวหมดแล้ว เขาอยากมา เขาก็บอกไม่กล้าเปิดตัว แต่จะช่วยฉัน ฉันก็เอาเขามาคิดและมาช่วยทำ ไม่เห็นต้องมาเปิดเผยตัว ทุกอย่างเราทำงานแบบนี้ ไม่มีใครเก่งทั้งหมดทั้งโลก…ไม่มีใครเป็นพระเอกเศรษฐกิจ ไม่มีใครเป็นพระเอกคนเดียว ทำไม่ได้ และทำนู่นทำนี่ ไม่สนใจกฎหมาย ไม่สนใจระเบียบการเงินการคลัง ไม่สนใจธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่มีทาง ทำไม่ได้” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะหาเสียงรุกหนักเลยหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตนก็จะพูดเหมือนนายกฯ พูด ที่ให้เห็นถึงความจริงใจ ความตั้งใจอะไรที่ดีเราก็จะทำต่อ และรับฟังความคิดเห็น อะไรต้องการสิ่งใหม่เราก็ต้องพิจารณา และไม่ใช่การรื้อเพื่อทำใหม่ วันนี้กำลังเดินหน้าอยู่ และกำลังสานต่อคนรุ่นใหม่
ทั้งนี้ ตลอดการให้สัมภาษณ์ พล.อ. ประยุทธ์มีท่าทีอารมณ์ดี จนถูกผู้สื่อข่าวทัก พล.อ. ประยุทธ์จึงตอบว่า “อารมณ์ดีทุกวัน ก็เหมือนเดิม แต่เครียดไปก็เท่านั้น เหนื่อยเปล่า อารมณ์ดีก็ว่า อารมณ์เสียก็บ่น คึกมากเหรอ เมื่อเช้าก็เหนื่อย เหนื่อยจากเมื่อวาน ยังคิดจะรอดวันนี้ไหม เหนื่อยจากเมื่อวาน และเหนื่อยจากหลายๆ วัน มันเครียดไง”