BAR US บาร์เท่ เสิร์ฟค็อกเทลกึ่งอาหารคาว

บรรดานักชิมคงจะคุ้นเคยกันดีกับการกินอาหารตามหลักสากลที่เริ่มต้นด้วยจานเรียกน้ำย่อย จานหลัก แล้วตบท้ายด้วยของหวานล้างปาก แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อสิ่งที่เราจะได้ลิ้มลองถูกเสิร์ฟในรูปแบบ Liquid Cuisine อาหารที่ดื่มได้ด้วยการใช้ส่วนผสมจากอาหารมารังสรรค์ค็อกเทลด้วยขั้นตอนที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน BAR US ดริงกิ้งรูมแห่งใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 มีคำตอบ

The Vibe

อย่างที่บอกว่าที่นี่มาในคอนเซปต์ดริงกิ้งรูมที่หยิบเอาแรงบันดาลใจจากไดนิ่งรูมมาทำเป็นบาร์ ซึ่งคัลเจอร์การกินอาหารส่วนใหญ่จะเป็นการนั่งล้อมหน้าล้อมหลังพูดคุยกันมากกว่าการนั่งหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์บาร์ ดังนั้นไอเท็มหลักของบาร์แห่งนี้คือโต๊ะกินข้าวใหญ่ที่เรียงติดกันกลางห้อง เพื่อให้ลูกค้าที่มานั่งจอยโต๊ะกัน หรือนั่งข้างกันในกรณีที่มาเป็นคู่

อีกจุดคือที่นี่จะไม่มีขวดเหล้าวางให้เห็นเลย ซึ่งผิดจากวิถีของค็อกเทลบาร์ แต่แทนที่ด้วยขวดแก้วบรรจุส่วนผสมลับที่ถูกนำมาใช้ในค็อกเทลของที่นี่

มู้ดโดยรวมยังคงเป็นบาร์ที่ตกแต่งเรียบง่ายแต่เท่ ด้วยการออกแบบภายใน การเลือกไม้เป็นวัสดุหลัก และดนตรีแนว Native-Modern ที่ทำให้ BAR US เป็นบาร์ที่นั่งยาวๆ ได้ตลอดทั้งคืน

The Taste

และเมื่อไม่มีขวดเหล้าโชว์ เครื่องดื่มของที่นี่จึงมาในสไตล์พร้อมเสิร์ฟ คือชงไว้แล้วในขวด เมื่อมีลูกค้าสั่งจึงค่อยบรรจงเทลงแก้วก่อนตกแต่ง ดังนั้นใครที่หวังมาที่นี่เพื่อสั่งเครื่องดื่มตามใจฉัน อาจต้องเลือกเป็นดริงก์อื่นที่ใกล้เคียงในเมนูแทน

BAR US เสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยกัน 4 หมวด ได้แก่ Starter, Main, After และ All Night เฉกเช่นคอนเซปต์ไดนิ่งรูม เริ่มด้วยการเรียกน้ำย่อยพร้อมเปิดประสาทสัมผัสไปกับ Coriander + Cucumber + Roasted Rice (460 บาท) หน่ึงในดริงก์เด่นจาก Starter ที่ใช้ผักชีทั้งต้นปั่นรวมกัน ผ่านกระบวนการสกัด แล้วแพริ่งแตงกวา ข้าวคั่ว โดยมีเบสเป็นเตกีลา ให้ความเปรี้ยวหวานครีมมี่ไปกับโฟมด้านบน พร้อมบูสต์ความสดชื่นไปในตัว

ต่อกันที่แก้วหลักแห่งค่ำคืนที่ให้รสชาติแบบค็อกเทลกึ่งอาหารคาว (Savory Cocktail) ลองเปิดอ่านลิสต์ในเมนูจากแก้วแรกยันแก้วสุดท้ายก็มีแต่คำถามว่า “มันดื่มได้จริงๆ เหรอ?” อย่าง Lemon Basil + Ginger + Fish Sauce (460 บาท) ที่สะดุดตาด้วยเครื่องปรุงคู่ใจคนไทยในแต่ละมื้ออาหาร ‘น้ำปลา’ ซึ่งถูกนำมาแพริ่งกับใบแมงลัก ขิงสด ให้รสชาติเปรี้ยวหวานและกลิ่นที่ชวนให้นึกถึงยำมะม่วง

ในส่วนของแก้วส่งท้ายก็เป็นอะไรที่ช่วยล้างปากสมแก่การเตรียมเข้านอน ซึ่ง Ylang Ylang + Almond (460 บาท) ก็เป็นแก้วจบที่ชูโรงด้วยส่วนผสมของดอกกระดังงาที่มีเบสเป็นเบอร์เบิน ให้ความหอมอบอวลในปาก

หากใครต้องการรสชาติความคลาสสิกก็สามารถเลือกจากหมวด All Night ที่ถูกนำมาทวิสต์ใหม่ในสไตล์ของ BAR US ได้ อย่าง Vetiver + Negroni (460 บาท) ที่นำหญ้าแฝกมาเบลนด์กับเตกีลาแทนจิน ให้มิติรสชาติที่แตกต่างพร้อมความสโมกกี้หน่อยๆ

Good for

สายค็อกเทลบาร์ที่ชื่นชอบค็อกเทลดีๆ ในมู้ดเท่ๆ และมองหาค็อกเทลที่สามารถมอบประสบการณ์ใหม่ๆ หรือมีความต่างจากค็อกเทลบาร์ที่อื่นๆ เพราะต้องบอกว่าเครื่องดื่มของที่นี่จะมีสูตรเฉพาะตัว ดังนั้นคลาสสิกบางแก้วที่คุณเคยลิ้มรสจากที่อื่นอาจไม่เหมือนกับที่นี่นำเสนอ รวมถึงซิกเนเจอร์ดริงก์ที่มีส่วนผสมอย่างผักชีหรือน้ำปลา ก็ต้องเป็นคนเปิดใจในระดับหนึ่งจึงจะเก็ตถึงสิ่งที่ BAR US ต้องการนำเสนอ