วันนี้ (27 มกราคม) พรรคเพื่อไทย นำโดย อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และแกนนำพรรค ลงพื้นที่จัดเวทีปราศรัยใหญ่ 3 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู และหนองคาย
สำหรับเวทีปราศรัยแรกที่สนามกีฬากลาง จังหวัดเลย เริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น. มีแกนนำสลับกันขึ้นปราศรัย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันก็มีมวลชนจำนวนมากผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีแดง เข้าร่วมจำนวนมากจนเต็มอัฒจันทร์ ขณะที่บางส่วนนั่งอยู่ด้านล่างกลางสนามฟุตบอลติดขอบเวที
แพทองธารกล่าวว่า ก่อนมาขึ้นเวที พ่อใหญ่ (ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) โทรศัพท์มาเพื่อฝากความคิดถึงคนจังหวัดเลย ได้คุยกับคุณพ่อ คุณอา (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ใครจะมาอีสานก็ฝากความคิดถึงประชาชน เพราะท่านเคยมาก่อนหน้านี้
เราตั้งใจพัฒนาแนวคิดทำกระเช้าขึ้นภูกระดึง ตามที่พรรคไทยรักไทยเคยเริ่มไว้เพื่อดึงศักยภาพจังหวัดเลย เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ แทนที่จะต้องขายลอตเตอรี่ที่ได้กำไรน้อยห่างไกลครอบครัว และเราจะแก้ปัญหาธุรกิจสีเทา เราต้องทำให้ถูกต้อง เรียกเก็บภาษีมาทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น นโยบายที่พูดไปยืนยันจะต้องทำให้เกิดขึ้น
ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ราคาสินค้าเกษตรจะขึ้นยกแผงแน่นอน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ปลูกได้ง่ายขึ้น และหาช่องทางให้ขายไปยังต่างประเทศ ตนจะพูดภาษาอังกฤษช่วยประชาชนขายสินค้าการเกษตรเอง อีกเรื่องคือปัญหายาเสพติดที่เป็นปัญหาขัดขวางความเจริญของประเทศ เราให้ความสำคัญเป็นเรื่องแรกๆ ควบคู่กับการบำบัดผู้เสพ ให้ลูกหลานเห็นอนาคต ในการเลือกตั้งหากได้เงินขอให้เก็บไว้ แต่การเลือกตั้งเพื่ออนาคตของลูกหลานให้มีทางออก ไม่มีหนี้เหมือนทุกวันนี้ พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็นเพื่อคนไทยทุกคน ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์ทั่วอีสาน
สำหรับเวทีที่ 2 จัดขึ้นที่ลานตลาดนัดเก้าค่ำ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. ซึ่งบรรยากาศภายในงานเนืองแน่นไปได้ด้วยประชาชน และมีแกนนำของพรรคสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยเช่นเดียวกัน
แพทองธารกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่ขัดขวางอนาคตลูกหลาน ที่สร้างปัญหาให้ประชาชน จากที่ยาเสพติดเคยเป็นของหายากในรัฐบาลไทยรักไทย กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่ายในรัฐบาลปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีนโยบายที่จริงจังและเข้มข้นในการปราบปรามปัญหานี้
แพทองธารยังย้ำถึงความเป็นไปได้ของนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 700 บาทต่อวัน และนักศึกษาปริญญาตรีจบใหม่รายได้ต้องเริ่มต้น 25,000 บาทต่อเดือน แพทองธารยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่เคยสัญญาอะไรลมๆ แล้งๆ พูดแล้วต้องทำได้ ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลครบ 4 ปี ประชาชนต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
รวมไปถึงปัญหาที่ดินทำกินที่จำเป็นของประชาชนในการทำเกษตร ให้ประชาชนได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล งบประมาณจะถูกใช้กับการทำโครงการเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนแน่นอน
ส่วนวันพรุ่งนี้ (28 มกราคม) พรรคเพื่อไทยจะไปเปิดปราศรัยอีก 2 เวที ที่เทศบาลเมืองท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ในช่วงเช้า จากนั้นจะไปเยี่ยมชมด่านศุลกากรจังหวัดหนองคาย เพื่อศึกษาปัญหาการค้าชายแดน และรถไฟความเร็วสูง และปิดท้ายเวทีปราศรัยที่ตลาดคลองถม อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย