ผู้เชี่ยวชาญขององค์การสหประชาชาติรายงานว่า เกาหลีเหนือมีความพยายามที่จะจัดส่งอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างและพัฒนาอาวุธเคมีของซีเรีย เพื่อใช้ในการทำสงครามที่ยังคงดำเนินอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ
รัฐบาลซีเรียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีหลายต่อหลายครั้ง เช่น เหตุโจมตีด้วยแก๊สพิษซารินในย่านชานกรุงดามัสกัสเมื่อปี 2013 ซึ่งเป็นเหตุให้มีพลเรือนเสียชีวิตมากถึง 1,300 ราย และล่าสุดได้รับรายงานว่า มีการใช้แก๊สคลอรีนเป็นอาวุธในการโจมตี ซึ่งทางรัฐบาลซีเรียยังคงให้การปฏิเสธ
ด้านอดีตผู้อำนวยการโครงการสารเคมี สารชีวภาพ สารกัมมันตรังสีและกากนิวเคลียร์ (CBRN) ของกองทัพอังกฤษเคยเปิดเผยว่า อาวุธเคมีที่ซีเรียครอบครองส่วนใหญ่ผลิตจากรัสเซียและอิหร่าน แต่ในระยะหลังเกาหลีเหนือได้พยายามเข้าสู่ตลาดมืดค้าอาวุธระดับโลก เพื่อหาท่อน้ำเลี้ยงใหม่ให้แก่ประเทศหลังจากถูกสหประชาชาติและประชาคมโลกคว่ำบาตร กรณีพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ
เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เคยมีรายงานของสหประชาชาติเผยว่า สามารถดักจับการขนส่งสินค้าจากเกาหลีเหนือสู่รัฐบาลซีเรียได้ถึง 2 ครั้งภายในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งสินค้าดังกล่าวส่วนใหญ่คือส่วนประกอบสำคัญของอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพของรัฐบาลซีเรีย ที่เร่งพัฒนาเพื่อใช้โจมตีฝ่ายต่อต้าน ซึ่งทั้งซีเรียและเกาหลีเหนือต่างมีการติดต่อค้าขายร่วมกันมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1960 และยังคงจะเดินหน้าต่อไป แม้ซีเรียกำลังตกอยู่ท่ามกลางกองไฟของความขัดแย้งและเกาหลีเหนือเองก็ถูกคว่ำบาตรและกดดันจากประชาคมโลกก็ตาม
อ้างอิง: