เป็นที่น่ายินดีว่าจนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย 11,049,769 คนแล้ว ชี้ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวของบ้านเรากำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
คาดว่าในปี 2566 ยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีถึง 11.5 ล้านคน เมื่อรวมกับการท่องเที่ยวในประเทศ 175 ล้านคนต่อครั้ง จะทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท
ขณะที่ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ตั้งแต่ที่ประเทศไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยแล้วเฉลี่ยวันละ 60,000-70,000 คน โดยกลุ่มหลักเป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย อินเดีย และขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามาวันละประมาณ 5,000 คน
โดยเป้าหมายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ปี 2566 ททท. ได้คาดการณ์ว่าจะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาในอัตราร้อยละ 80 ของปี 2562 ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท และตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ร้อยละ 50 ของปี 2562 หรือประมาณ 20 ล้านคน
และเป็นที่น่ายินดีว่าวิจัยของสำนักข่าว BBC (BBC News Research) เผยว่า จากการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนของนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเดินทางจากอเมริกาเหนือและยุโรป ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งร้อยละ 57.4 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกที่ตั้งใจจะเดินทางมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแนวโน้มจะมาไทยมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค
โดยชาวยุโรปเกือบ 4 ใน 5 ที่วางแผนจะไปเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วางแผนที่จะเดินทางภายใน 6 เดือนข้างหน้า และให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและความยั่งยืน โดยร้อยละ 91 ของผู้เดินทางมองหาวัฒนธรรมและมรดกที่เป็นเอกลักษณ์ในประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องการ และร้อยละ 72 ของผู้เดินทางให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุดในระดับท้องถิ่น
ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้การท่องเที่ยวของบ้านเรากำลังฟื้นตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งสำคัญก็คือ ในเมื่อนักท่องเที่ยวมาแล้ว ทำอย่างไรจะสามารถดึงดูดพวกเขาได้
สิ่งสำคัญคือการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์กับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ต้องพัฒนาห้องพักให้ทันสมัย ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ต้องเตรียมพร้อม
แต่ด้วยการระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา อาจจะทำให้ผู้ประกอบการหลายๆ รายไม่มีทุนทรัพย์ในการปรับปรุงธุรกิจเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ ‘ธนาคารออมสิน’ จึงได้เปิดตัวโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) Re-Open ธุรกิจโรงแรม และ Supply Chain ของโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ท้องถิ่น
โครงการดังกล่าวสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม, Supply Chain ของโรงแรม, ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการปรับปรุง ซ่อมแซมสถานประกอบกิจการ หรือลงทุนในอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการประกอบกิจการ เพื่อเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทย
จุดเด่นของโครงการดังกล่าวประกอบไปด้วย
- ดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก 1.99%*
- วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท (กรณี บสย. ค้ำเต็มวงเงิน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 3 ล้านบาท)
- ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 2 ปี (กรณีกู้เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซมสถานประกอบกิจการ ลงทุนในอุปกรณ์ต่างๆ)
- ผ่อนได้นานสูงสุด 10 ปี
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ผู้ที่สนใจสามารถยื่นได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2566 หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด และสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ https://www.gsb.or.th/gsb_smes/softloan-reopen/
หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามธนาคารออมสินทุกสาขา หรือ GSB Contact Center 1115 และติตตามข้อมูลข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ www.gsb.or.th หรือ Facebook: GSB Society
อ้างอิง: