วันนี้ (15 มกราคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้เปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่
โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติมสิทธิสวัสดิการในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาเพิ่มสิทธิอื่นๆ ให้ครอบคลุมความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด และจะเตรียมประกาศผลตรวจสอบคุณสมบัติภายในเดือนมกราคม 2566 และเริ่มต้นการใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566
อนุชากล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติมสิทธิสวัสดิการในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่เดิม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและครอบคลุมความต้องการของประชาชนมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการฯ มีสิทธิดังนี้
ทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
- วงเงินซื้อสินค้า 200 / 300 บาทต่อเดือน
- วงเงินซื้อสินค้าตามมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษ 200 บาทต่อเดือน (เฉพาะเดือนมกราคม 2566)
- ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (มกราคม-มีนาคม 2566)
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน, ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน, ค่าโดยสารรถ ขสมก. / รถไฟฟ้า (MRT / BTS / ARL) 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)
ทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินชดเชยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กฟน. / กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
- เงินชดเชยตามจำนวนเงินที่ชำระค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กปน. / กปภ. ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท (ที่ได้ชำระเงินแล้ว) ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)
ทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ)
อนุชากล่าวต่ออีกว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ได้เปิดให้ลงทะเบียนไปตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 และได้ประกาศผลการลงทะเบียนและผลการตรวจสอบความสัมพันธ์กับกรมการปกครองเป็นขั้นตอนแรก ตามเกณฑ์บุคคลและเกณฑ์ครอบครัว
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th เป็นขั้นตอนต่อไป ภายในเดือนมกราคมนี้ ซึ่งหากมีผู้ที่ตรวจสอบสิทธิแล้วพบว่าไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก สามารถอุทธรณ์การตรวจสอบสิทธิได้ โดยใช้ระยะเวลาตรวจสอบ 15-30 วัน และหากอุทธรณ์แล้วผ่าน จะยังคงได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการย้อนหลังด้วย
อนุชากล่าวด้วยว่า รัฐบาลคำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชนทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านมาตรการ โครงการ ตลอดจนการให้บริการพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ตามแนวนโยบายที่รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับสถานการณ์และบริบททางเศรษฐกิจ