แม้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวในหลายกลุ่มธุรกิจ แต่สำหรับธุรกิจคลาวด์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ยังคงเห็นการเติบโตต่อได้ ซึ่งรวมถึงธุรกิจคลาวด์ภายใต้ Amazon Web Service (AWS) ที่ยอดขายในไตรมาส 3 ปี 2022 เติบโต 27% จากปีก่อน สู่ระดับ 2.05 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้จะเป็นการเติบโตที่ชะลอลงจากไตรมาส 2 ที่ทำได้ 33% แต่ยังเติบโตได้สูงกว่ายอดขายภาพรวมของทั้งบริษัทที่ทำได้ 15%
การเติบโตของอุตสาหกรรมคลาวด์ในปี 2023 ผู้บริหารของ AWS ประจำประเทศไทยอย่าง วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ Amazon Web Service (Thailand) กล่าวว่า Gartner (บริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยี) คาดว่าตลาดคลาวด์ทั่วโลกจะเติบโต 20.7% ส่วนในไทยจะโต 31.8% สะท้อนว่าองค์กรในไทยเปิดรับคลาวด์มากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายสำหรับบริการคลาวด์สาธารณะโดยผู้ใช้ในไทยจะสูงถึง 54.4 ล้านบาทในปี 2023 เพิ่มขึ้นจาก 41.3 ล้านบาทเมื่อปีก่อน
“แต่เรามองบวกต่อการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ในไทยมากกว่าที่ Gartner ประเมิน”
จากการพูดคุยกับลูกค้าหลายรายในอาเซียน ด้วยทิศทางเศรษฐกิจมหภาคที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกับธุรกิจในปีนี้อย่างแน่นอน
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายบริษัทต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอด นำไปสู่การทำ Digital Transformation ที่จะถูกนำมาใช้จริงมากขึ้น และคลาวด์จะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบโจทย์ เพื่อใช้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ลดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือช่วยขยายตลาดออกไปต่างประเทศ
ในมุมของ AWS จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจคลาวด์ใน 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ 1. บริการทางการเงิน รวมทั้งในส่วนของธุรกิจประกันและหลักทรัพย์ 2. ค้าปลีก และ 3. อุตสาหกรรมการผลิต โดยทั้งสามอุตสาหกรรมนี้เป็นกลุ่มที่บริษัทมีฐานลูกค้าหลักอยู่บ้างแล้วในไทย เช่น KBTG, TISCO, SCB Tech, ASCEND, Central, Counter Service, SCG, CPF และ Pomelo เป็นต้น
ส่วนนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีคลาวด์ของ AWS ในปีนี้ บริษัทได้เปิดเผยผ่านงาน AWS re:Invent 2022 ที่จัดขึ้นที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐฯ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ภายในงานดังกล่าว Adam Selipsky ซีอีโอของ AWS เน้นย้ำว่า ข้อมูลเป็นรากฐานที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของทุกองค์กร ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ปริมาณข้อมูลจะมีมากขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นของยุคดิจิทัล ทำให้การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการเติบโตของข้อมูลนั้น เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับทุกองค์กร
ตัวอย่างของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้แก่
- Data and Analytics – Amazon Aurora: เป็นการรวมประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานของฐานข้อมูลแบบดั้งเดิม ผสานเข้ากับความเรียบง่ายและความคุ้มค่าของฐานข้อมูล Open Source มีประสิทธิภาพมากกว่า MySQL ถึง 5 เท่า และประสิทธิภาพมากกว่า PostgreSQL ถึงสามเท่า
- Data and Analytics – Redshift: คลังข้อมูลขนาดเพตะไบต์ (Petabyte) ที่มีการจัดการเต็มรูปแบบ และวิเคราะห์ข้อมูลขนาดเอกซะไบต์ (Exabyte)
- AI/ML – SageMaker: เทคโนโลยี Machine Learning ช่วยให้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังช่วยสร้างข้อมูลอัจฉริยะให้กับระบบและแอปพลิเคชันต่างๆ
- Security: Amazon GuardDuty: เช่น การดูแลสุขภาพ ธนาคาร และหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น โดยโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ได้รับการตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
- Security: Amazon Security Lake: บริการที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลความปลอดภัยในระดับเพตะไบต์ได้อัตโนมัติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คลอดแล้ว! เกณฑ์ ‘Virtual Bank’ ธปท. จำกัดไลเซนส์แค่ 3 ราย เผยมีผู้สนใจแล้ว 10 ราย เล็งประกาศผลกลางปีหน้าก่อนเริ่มให้บริการจริงปี 68
- จับตา! ดีลร่วมทุน ‘กรุงไทย-เอไอเอส-กัลฟ์’ ศึกษาตั้ง Virtual Bank เปิดทางบริษัทที่มี Big Data เข้าสู่ธุรกิจการเงิน
- ก.ล.ต. เร่งศึกษาแนวทางกำกับดูแลตลาดทุนในยุค Web 3.0 รองรับ Virtual Capital Market ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต