สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาไม่สามารถรองรับน้ำฝนได้อีกต่อไป เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก่อนหน้านี้ แต่กระนั้นรัฐแคลิฟอร์เนียก็ยังต้องเผชิญกับพายุฝนและลมกระโชกแรงอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้กระแสไฟฟ้าดับและสภาพการเดินทางย่ำแย่ลง
ทางการแคลิฟอร์เนียประกาศเตือนน้ำท่วมใหญ่ ส่งผลให้พลเมืองมากกว่า 34 ล้านคน หรือราว 90% ของประชากรในรัฐแคลิฟอร์เนีย และคิดเป็น 10% ของประชากรทั้งสหรัฐฯ ตกอยู่ภายใต้ภาวะเฝ้าระวัง
ศูนย์พยากรณ์อากาศรายงานว่า พื้นที่บางส่วนของชายฝั่งแคลิฟอร์เนียตอนกลางมีฝนตก 1-1.25 นิ้วต่อชั่วโมง โดยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ (9 มกราคม) ทำให้เกิดน้ำท่วมหนัก ดินโคลนถล่ม ตะกอนไหล และเส้นทางสัญจรถูกตัดขาด
โดยวัดปริมาณน้ำฝนตั้งแต่บริเวณทางตอนใต้ของซานฟรานซิสโกไปจนถึงทางตอนเหนือของลอสแอนเจลิสได้ราว 3-6 นิ้ว ขณะที่แถบพื้นที่สูงใกล้ชายฝั่งอาจวัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 6-10 นิ้ว
ด้านสำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NWS) ได้ประกาศเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ รวมถึงปัญหาดินโคลนถล่มตามแนวภูเขา โดยคำเตือนดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในแถบตัวเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งครอบคลุมที่พักอาศัยของผู้คนกว่า 7 ล้านคนในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันจันทร์ที่ผ่านมา ไปจนถึงเวลาเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์อากาศยังรายงานอีกว่า เฮอริเคนลูกหนึ่งที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปทางตะวันตกของสหรัฐฯ ทำให้พลเมืองมากกว่า 37 ล้านราย โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงรัฐเนวาดา รัฐออริกอน รัฐวอชิงตัน รัฐยูทาห์ รัฐแอริโซนา และรัฐไวโอมิง อยู่ในภาวะเฝ้าระวังเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนกระแสลมแรง 212 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้เคลื่อนตัวพัดถล่มเมืองโอโรวิลล์ รัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว เมื่อไม่นานที่ผ่านมา
โดยสำนักงาน NWS ในเมืองแซคราเมนโตของรัฐแคลิฟอร์เนีย ทวีตข้อความคาดการณ์ว่า จะเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ต้นไม้หักโค่น และสภาพการขับขี่บนท้องถนนที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้น พร้อมแนะให้เตรียมความพร้อมตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าหากคุณยังไม่เริ่มเตรียมพร้อม
ขณะที่หน่วยงานที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ด้านเหตุขัดข้องทางพลังงานในสหรัฐฯ อย่าง PowerOutage.us รายงานว่า ที่พักอาศัย อาคารห้างร้าน และผู้ใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เกือบ 92,000 ยูนิต ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
สภาพอากาศที่รุนแรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของการโถมเข้ามาของ ‘แม่น้ำในชั้นบรรยากาศ’ (Atmospheric River) ซึ่งเป็นมวลของไอน้ำจากผืนน้ำเบื้องล่างที่พัดระเหยขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศ และมีส่วนทำให้อากาศชื้นและฝนตกในพื้นที่แถบชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ
ปัจจุบันรัฐแคลิฟอร์เนียมีความเสี่ยงสูงมากที่จะประสบกับปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐได้รับผลกระทบจากภัยแล้งหรือไฟป่าครั้งใหญ่ ซึ่งหมายความว่าผืนดินอาจไม่สามารถดูดซึมและรองรับปริมาณน้ำฝนได้มากนัก โดยหลังจากถูกพายุโหมกระหน่ำ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย จากพรรคเดโมแครต ออกประกาศเตือนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า “เราอาจจะได้เห็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดรออยู่ข้างหน้าพวกเรา”
ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศคาดการณ์ว่า พายุฝนลูกใหญ่ 2 ลูกจะพัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโดยจะไม่มีการหยุดพัก เพื่อชะลอให้ปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาลดน้อยลง
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำในชั้นบรรยากาศ ซึ่งสามารถพัดพาความชื้นออกไปได้ไกลหลายพันไมล์ ราวกับเป็นท่อดับเพลิงบนท้องฟ้า โดยศูนย์พยากรณ์อากาศชี้ว่า พายุฝนดังกล่าวจะมีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง (ระดับ 3 จากทั้งหมด 4 ระดับ) ซึ่งจะส่งผลกระทบครอบคลุมผู้คนกว่า 26 ล้านรายในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงแถบซานฟรานซิสโก แซคราเมนโต ลอสแอนเจลิส และเฟรสโน ที่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนตกลงมาราว 1 นิ้วต่อชั่วโมง
ขณะที่สำนักงาน NWS ในเมืองซานฟรานซิสโกของรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า “แม้การคาดการณ์เกี่ยวกับปริมาณน้ำฝนจะมีส่วนที่ทำได้น่าประทับใจอยู่บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์นี้แตกต่างออกไปคือ เงื่อนไขที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นภาวะดินอิ่มตัวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงระดับน้ำไหลที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในแม่น้ำและลำธาร ซึ่งมีส่วนสำคัญที่อาจทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง”
ด้านเจ้าหน้าที่ทางการเขตแซคราเมนโตประกาศเตือนว่า น้ำท่วมใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว พร้อมออกคำสั่งอพยพผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนวิลตัน ใกล้กับแม่น้ำโกซูมเนส ก่อนที่ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจนถนนไม่สามารถใช้งานได้ โดยมีผู้คนบางส่วนในวิลตันจำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวนี้ ตั้งแต่ช่วงที่พายุฝนกระหน่ำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อทางออกจากชุมชนหลายสายถูกน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ทางการในเขตเอลโดราโด, มอนเทอเรย์, ซานตาครูซ, ซานตาคลารา และอาลาเมดาของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ออกคำเตือนหรือคำแนะนำในบางพื้นที่ เนื่องจากอาจเกิดน้ำท่วมและมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอื่นๆ เกิดขึ้น ระดับน้ำในแม่น้ำขยายตัวและเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ย่านมอนเตซิโตในเขตซานตาบาร์บาราของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยของเหล่าบรรดาคนรวยและเซเลบริตี้ชื่อดังมากมาย รวมถึงเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน มาร์เคิล ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์, โอปราห์ วินฟรีย์ และ เอลเลน ดีเจเนอเรส รวมถึงพื้นที่บางส่วนในย่านคาร์เพนแทเรีย และย่านซัมเมอร์แลนด์ ล้วนแล้วแต่ได้รับคำสั่งให้อพยพในทันที โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้นับเป็นเวลาครบรอบ 5 ปีที่พายุฝนพัดถล่มอย่างหนักในพื้นที่แถบนี้ จนเกิดเหตุดินโคลนถล่มครั้งใหญ่
ทางด้าน กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ขอให้ทำเนียบขาวประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อที่จะสนับสนุนงานด้านการส่งมอบความช่วยเหลือและฟื้นฟูเขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยนิวซัมระบุว่า
“เราอยู่ท่ามกลางพายุฤดูหนาวที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง และแคลิฟอร์เนียกำลังใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีอยู่ เพื่อปกป้องชีวิตผู้คน และจำกัดขอบเขตความเสียหาย โดยเรากำลังรับมือกับภัยคุกคามจากพายุเหล่านี้อย่างจริงจัง และต้องการให้แน่ใจว่าชาวแคลิฟอร์เนียจะยังคงระมัดระวัง เมื่อพายุกำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้เรามากขึ้น”
ขณะที่ ลอนดอน บรีด นายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโก ก็ได้ออกประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ เนื่องจากพายุฤดูหนาวที่ยังคงส่งอิทธิพลต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมานี้
สำนักงานผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่า ไซโคลนที่ทรงพลังลูกนี้ ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมเส้นทางสัญจร ต้นไม้หักโค่น และทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐแคลิฟอร์เนียกระแสไฟฟ้าดับเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีชาวแคลิฟอร์เนียอย่างน้อย 12 รายเสียชีวิตจากผลกระทบของพายุ อาทิ ภาวะน้ำท่วม ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ทางด้าน แนนซี วอร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายบริการงานฉุกเฉินของรัฐแคลิฟอร์เนีย ชี้ว่า “ภัยน้ำท่วมคร่าชีวิตผู้คนมากกว่าภัยธรรมชาติอื่นๆ โดยเรามีผู้เสียชีวิตจากพายุลูกใหญ่ที่ก่อให้เกิดน้ำท่วมครั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ‘มากกว่า’ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ในแคลิฟอร์เนียช่วง 2 ฤดูกาลล่าสุดรวมกัน
ทั้งนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเผชิญหน้ากับพายุฝนฟ้าคะนองที่ถาโถมเข้าใส่ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในหลายพื้นที่ของรัฐแห่งนี้วัดได้สูงราว 5-8 นิ้วตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นอีก 2-4 นิ้วทั่วบริเวณชายฝั่งและหุบเขาในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมหลายชุมชนรัฐแคลิฟอร์เนีย
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง พายุหิมะและกระแสลมแรงจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด โดยศูนย์พยากรณ์อากาศรายงานว่า พื้นที่สูงบางส่วนในแถบเซียร์ราเนวาดา มีหิมะตกสูงถึง 2.54 เมตรในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะสูงขึ้นอีกราว 1.8 เมตรในบางพื้นที่ของเซียร์ราเนวาดา
นับเป็นภัยธรรมชาติที่ท้าทายการบริหารจัดการภัยพิบัติของทางการแคลิฟอร์เนียไม่น้อย หลังเข้าสู่ปีใหม่ได้เพียงราว 2 สัปดาห์
แฟ้มภาพ: John Edelson / AFP
อ้างอิง: