ฟุตบอลโลกจบลงไปแล้วแต่ดูเหมือนจะมีเรื่องดราม่าเป็นควันหลงที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกวิพากษ์วิจารณ์กันต่อ และดูเหมือนจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ต้องปวดหัวอย่างแน่นอน
โดยเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของผ้าคลุมหรือ ‘บิชต์’ ที่เอมีร์แห่งกาตาร์ได้สวมใส่ให้แก่ ลิโอเนล เมสซี ในพิธีรับถ้วยฟุตบอลโลกที่สนามลูเซล หลังอาร์เจนตินาเอาชนะฝรั่งเศสได้ในการดวลลูกจุดโทษเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 ธันวาคม) ซึ่งทางเจ้าภาพยืนยันว่าเป็นการ ‘ให้เกียรติสูงสุด’ ตามวัฒนธรรมของชาวอาหรับ
แต่เป็นเรื่องที่เชฟเซเลบริตี้ชื่อดังอย่าง Sale Bae หรือ นุสเรต กอคซ์ เจ้าของภัตตาคารชื่อดังระดับโลก ได้ถือวิสาสะในการเดินลงไปในสนามลูเซลหลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศ และได้ถือโอกาสในการสัมผัสกับโทรฟี่ฟุตบอลโลก
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นการทำผิดกฎที่ FIFA บัญญัติเอาไว้อย่างร้ายแรง โดยหลังจากที่มีการยกเลิกการใช้ถ้วยชูลส์ ริเมต์ เพื่อมอบให้เป็นสมบัติถาวรของทีมชาติบราซิลที่เป็นชาติแรกที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัยในปี 1970 ทางด้านองค์กรลูกหนังโลกได้จัดสร้างถ้วยรางวัลใบใหม่ขึ้นมา
ถ้วยใบนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า FIFA World Cup Trophy หรือเรียกกันง่ายๆ ว่าถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก ซึ่งทำจากทองคำ 18 กะรัต มีส่วนสูง 36.8 เซนติเมตร น้ำหนัก 6.175 กิโลกรัม โดยเป็นผลงานออกแบบของบริษัท Stabilimento Artistico Bertoni จากประเทศอิตาลี
เพื่อความปลอดภัยของถ้วยและความขลัง FIFA ได้บัญญัติกฎข้อหนึ่งเกี่ยวกับถ้วยใบนี้ที่สำคัญอย่างยิ่ง
“ถ้วยใบนี้จะถูกสัมผัสและถูกได้เพียงกลุ่มคนที่ถูกเลือกเท่านั้น ซึ่งรวมถึงอดีตแชมป์โลกและประมุขของรัฐ”
ในความหมายคือห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับทีมที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกแตะต้องอย่างเด็ดขาด
แต่ Salt Bae ซึ่งเป็นแขกในระดับ VVIP ของ จานนี อินฟานติโน ประธาน FIFA คนปัจจุบันที่มีความสนิทสนมกันอย่างมาก ได้ถือวิสาสะลงไปในสนามหลังจบพิธีมอบโทรฟี่ทั้งๆ ที่มีข้อห้ามอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถลงไปได้
เชฟวัย 39 ปีได้พยายามที่จะขอเข้าไปถ่ายภาพกับ ลิโอเนล เมสซี กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ซึ่งในทีแรกเมสซีพยายามไม่สนใจแต่ถูกตื๊อจนต้องถ่ายรูปร่วมด้วย
หลังจากนั้น Salt Bae ได้ละเมิดกฎเหล็กของ FIFA ด้วยการพยายามขอสัมผัสและชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกในกลุ่มนักเตะอาร์เจนตินา โดยได้โพสท่า ‘โรยเกลือ’ อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองด้วย
เรื่องนี้ FIFA ไม่มีคำตอบให้ว่าทำไม Salt Bae ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ จึงสามารถลงไปและทำในสิ่งที่ FIFA ห้ามไม่ให้ใครทำได้ (ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ก็ฝ่าฝืนลงไปในสนามเพื่อปลอบใจ คีเลียน เอ็มบัปเป เช่นกัน)
หรือเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนท่านประธานจึงทำได้?
แล้วถ้วยที่เห็นถ้วยจริงหรือถ้วยปลอม?
สำหรับถ้วยฟุตบอลโลกสีทองที่เห็นในนัดชิงชนะเลิศที่เมสซีชูและพากลับไปอาร์เจนตินาแล้วนั้นคือถ้วยใบจริง
ถ้วยใบจริงนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1974 ซึ่งตามธรรมเนียมเดิมจะมอบให้แชมป์เก็บรักษาไว้เป็นเวลา 4 ปี ก่อนจะมีการส่งมอบกลับมาให้ FIFA เพื่อมอบให้แก่แชมป์ทีมใหม่ต่อไป แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมใหม่เพื่อความปลอดภัยของถ้วยเองหลังเกิดเหตุถ้วยชูลส์ ริเมต์ ถูกขโมยถึง 2 ครั้งก่อนถูกนำไปหลอมละลาย
ถ้วยใบนี้ถูกเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ของ FIFA ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจะถูกนำออกมาเพื่อการทัวร์ถ้วยแชมป์โลกในช่วงก่อนการแข่งขันและในพิธีการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลกเท่านั้น และในช่วงฟุตบอลโลกในเกมนัดเปิดสนามและนัดชิงชนะเลิศเพื่อรอมอบแก่แชมป์โลก
แชมป์โลกจะมีสิทธิ์นำถ้วยกลับไปร่วมฉลอง แต่หลังจากนั้นจะต้องนำถ้วยส่งคืน โดย FIFA จะส่งมอบถ้วยใบจำลองให้เก็บรักษาไว้เป็นเวลา 4 ปีด้วยกัน โดยถ้วยจำลองไม่ได้ทำจากทองคำแล้วแต่ทำจากทองแดงและชุบสีทองแทน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สื่อแดนผู้ดีตีข่าวเสื้อ บอลโลก 2022 ของอังกฤษถูกวางขายด้วยราคา 4,900 บาท แต่ ‘คนงาน’ ที่ผลิตในโรงงานของ ‘ไทย’ ได้ค่าแรงเพียง 43 บาทต่อชั่วโมง
- จิบเบียร์เชียร์ ฟุตบอลโลก ฝันไปเถอะ! FIFA ความดันขึ้นหลังเจ้าภาพ ‘กาตาร์’ สั่งโละจุดขายเบียร์ในสนาม
- จับตากระแส ฟุตบอลโลกปี 2022 จะคึกคักหรือไม่ หลังเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อยังไม่กลับมา ฝั่งสินค้าชะลอใช้งบโฆษณา
อ้างอิง:
- https://www.thetimes.co.uk/article/world-cup-fifa-embarrased-as-celebrity-chef-salt-bae-pesters-lionel-messi-z30k8rhr0
- https://en.wikipedia.org/wiki/FIFA_World_Cup_Trophy