วันนี้ (19 ธันวาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ออกจากพรรคไปแต่ตัว แต่คะแนนไม่ไหลตามไป ว่า ใครจะไปไหนมาไหนเป็นความสมัครใจของเจ้าตัว มีคนออกจากพรรคภูมิใจไทยเยอะแยะไป
“สมัยก่อนมีคนออกจากพรรคภูมิใจไทยไปพรรคเพื่อไทยไม่รู้ตั้งเท่าไร เราอวยพรให้เขาไปดี คงไม่ไปพูดบั่นทอนกำลังใจใคร ใครจะมาใครจะไปต้องเคารพการตัดสินใจของบุคคลเหล่านั้น เพราะเป็น ส.ส. เป็นผู้สมัคร ส.ส. แต่ละคนมีวุฒิภาวะ ใครจะมาพรรคภูมิใจไทยเราก็ยินดีต้อนรับ คนที่ไปเราก็อวยพรให้เขาไปได้ดี ขออย่างเดียวให้ทำความเจริญแก่บ้านเมือง” อนุทินกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตจะมี ส.ส. มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเพิ่มเติมตามที่เป็นข่าวหรือไม่ อนุทินตอบว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะมีเข้ามา แต่ไม่สามารถบอกจำนวนได้ เพราะจะทราบจำนวนก็ต่อเมื่อตนลงนามรับรองการสมัครถึงจะรู้ และยืนยันการเลือกตั้งครั้งหน้าจะส่ง ส.ส. 400 เขต เพราะเราต้องการ ส.ส. เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเป้าหมายของพรรคที่ต้องการจะได้ ส.ส. ถึง 120 ที่นั่ง อนุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประชาชน
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามถามถึงผลโพลบางสำนักที่ยกให้อนุทินและพรรคภูมิใจไทยมีจุดเด่นหลายด้าน อนุทินกล่าวว่า การทําการเมืองต้องยึดถือจากทุกๆ ด้าน ผลโพลก็ดี ถือเป็นกำลังใจ จากที่ไม่เคยมีโพลเช่นนี้เลยก็มีโพลแบบนี้ขึ้นมา ก็เป็นกําลังใจและเป็นแนวทางว่าประชาชนให้ความเชื่อถือพรรคในด้านนี้มากเป็นพิเศษ หรือด้านไหนที่ประชาชนยังไม่ได้ให้ความเชื่อถือก็ไปแก้ไข
อนุทินกล่าวต่อไปว่า เราไม่ได้ยึดถือโพลในการที่จะบอกว่าโพลดีแล้ว ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เรายังคงต้องลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มีทีมยุทธศาสตร์วางนโยบาย อย่างช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้โทรศัพท์ไปแจ้งทางหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ว่า มีคนได้ดูนโยบายแล้ว นโยบายเศรษฐกิจภาพรวมมหภาคของพรรคยังไม่ปัง ไม่ว่าจะมีเรื่องของโครงการด้ามขวานทองหรือแลนด์บริดจ์แล้วก็ตาม แต่ว่ายังไม่ปัง ก็ต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรในการขยายความออกมา ต้องทำให้คนเห็นภาพให้ชัด
“ผมยินดีรับฟังจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่สนับสนุนหรือไม่สนับสนุนก็ตาม สำหรับผมเรียกว่าข้อสอบรั่ว ก็ต้องเอาข้อสอบเหล่านี้มาหาคําตอบให้ได้ และหาวิธีที่จะทําให้เกิดความมั่นใจ” อนุทินกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องการยุบสภา หลังเกิดเหตุการณ์สภาล่มบ่อยครั้ง อนุทินกล่าวว่า เรื่องยุบสภาเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี คงไม่ไปก้าวก่าย เราก็เตรียมความพร้อมของเรา เพราะไม่ว่าอย่างไรวาระของสภาสมัยนี้ก็จบสิ้นวันที่ 23 มีนาคม 2566 ต้องใช้เวลาที่เหลือจากนี้ไปซึ่งอีกไม่นาน งานอะไรที่ค้างคาอยู่ก็ต้องผลักดันออกไปให้หมด โดยเฉพาะหลายๆ โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน เพราะเมื่อมาเป็นรัฐบาลรักษาการอาจทำอะไรไม่ได้มาก ขณะเดียวกันก็ต้องแบ่งเวลาในการลงพื้นที่ช่วยสมาชิกปราศรัยหาเสียง เยี่ยมเยียนประชาชน ซึ่งน่าจะเป็นเวลา 3 เดือนที่น้อยมาก
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนเรื่องรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย อนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ชัดอีกหรือ ชัดมา 5 ปีแล้ว หนึ่งเดียวคนนี้ หนึ่งเดียวด้วยนะ ไม่มี 3 คน ถ้าจะไม่ให้ตนเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทย ก็ต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรค หากใครยังไม่รู้เรื่องแปลว่าไม่ได้ติดตามข่าว ไม่ใช่คอการเมืองแล้ว