เอพิโสดที่แล้ว มันนี่โค้ช ชวน เคน-นครินทร์ มาแชร์เรื่องเงินกับการจัดงานแต่งงาน (ใครที่ยังไม่ได้ติดตาม สามารถเข้าไปฟัง/อ่าน ได้ที่ thestandard.co/podcast/themoneycase25)
เอพิโสดนี้ต่อกันด้วยชีวิตหลังผ่านพ้นงานแต่ง มีเรื่องเงินทองรอให้จัดการอีกมากแค่ไหน ควรเตรียมการอย่างไรถ้าจะมีลูก และพิเศษกับการปรับทุกข์ แชร์เทคนิค ไปจนถึงนินทาแฟนแบบประสาพ่อบ้าน ที่ต้องเสพผ่านการฟังเท่านั้น!
มีอะไรรออยู่หลังจากผ่านพ้นงานแต่งมาแล้ว
เยอะครับ เรากำลังย้ายบ้านมาอยู่ด้วยกัน เป็นคอนโดที่ซื้อใหม่ ก็มีค่าคอนโด ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่ารับเหมาตกแต่งห้อง เงินที่เคยใช้เต็มที่ก็เริ่มคิดเยอะขึ้น จากแต่ก่อนไปเที่ยวยุโรปสองอาทิตย์ ตอนนี้ไปแค่เขมร (หัวเราะ) ผมว่ามันมีค่าใช้จ่ายที่ทั้งมองเห็นและไม่เห็นเยอะมาก มันไม่ใช่ค่าใช้จ่ายแบบความสุขส่วนตัว แต่เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อรากฐานของชีวิตคู่ เลยต้องวางแผนดีๆ
ตอนนี้วางแผนไว้อย่างไร
เราทั้งคู่ยังทำงาน ยังมีรายได้ มีเงินเก็บกันระดับหนึ่ง ช่วยกันผ่อนค่าต่างๆ ได้ ยังไม่ได้แบ่งเรื่องเงินกันชัดเจน คิดว่าเรื่องใหญ่ๆ อาจจะเป็นผมดูแล แต่สุดท้ายก็อาจจะต้องตัดสินใจร่วมกันในทุกเรื่อง และหาจุดตรงกลาง เช่น ตอนแต่งคอนโดเราก็รสนิยมไม่เหมือนกัน ก็ต้องแบ่งกันว่าห้องนี้ผมเอาไปทำ ห้องนี้ให้แฟนทำ แล้วก็ต้องมาดูสุดท้ายว่าเกินงบไหม ต้องคุยกันตั้งแต่แรกว่าเราไหวที่งบเท่าไรเพื่อไม่ให้บานปลาย
ถือเป็นช่วงที่เราดูแลเรื่องงบประมาณเป็นพิเศษ
ใช่ครับ แต่โดยส่วนใหญ่ถือว่าไม่มีปัญหา ผมโชคดีที่มีเงินเก็บระดับหนึ่ง จริงๆ เรื่องนี้สำคัญ ผมเพิ่งรู้ว่าที่เราเก็บเงินตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ มันจะส่งผลมาถึงตอนนี้ ตอนทำงานใหม่ๆ ผมทำงานเป็นผู้แทนยามีรายได้ค่อนข้างเยอะ เป็นหลักแสน ผมเองเป็นคนเก็บเงินเก่งอยู่แล้ว และโชคดีที่มีพ่อมาเอาเงินไปลงทุนให้ในหุ้นระยะยาวด้วย
ผมเป็นคนที่วันเงินเดือนออกแล้วไม่เคยรู้สึกว่าต้องใช้เงินเต็มที่ เงินเดือนออกตอนไหน ผมก็แค่เก็บ เก็บ เก็บ ใช้เท่าที่โอเค พอหลังจากแต่งงานแล้วต้องเจอค่าใช้จ่ายเยอะ ก็เลยรับมือได้
รู้สึกเลยไหมว่า เงินเป็นเรื่องหนึ่งที่อาจเป็นชนวนให้ชีวิตคู่มีปัญหาได้
มากครับ อันนี้เรื่องจริง มันมีส่วนที่ทำให้ทะเลาะกันได้เยอะ เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคุยกันให้เคลียร์ เรื่องพวกนี้มันจะเลยหลักเหตุผลจะเป็นเรื่องของอารมณ์ เช่นอยากได้อย่างนู้นอย่างนี้ อนาคตอยากมีรถใหม่ ฯลฯ สุดท้ายผมก็จะถอยกลับมาดูว่า เราสองคนรายรับต่อเดือนเท่านี้ เราก็ต้องช่วยคิดกันว่าจะบริหารเงินยังไงให้มันโอเค ผมไม่อยากให้ไลฟ์สไตล์เราเปลี่ยน อย่างผมปีหนึ่งอยากจะไปเที่ยวไกลๆ สักสองทริป ทริปต่างจังหวัดเล็กๆ น้อยๆ แล้วแต่ เราก็เลยพยายามแพลนกัน อย่างที่ไปเขมรคือเป็นทริปสั้นๆ ไปเที่ยวกันหลังแต่งงาน เพื่อหยุดพักอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นเราก็อยากจะไปเที่ยวกันอยู่ดี แต่คงดูที่ที่มันไม่แพงมาก และดีลตั๋วเครื่องบินกับที่พักที่ถูกหน่อย เพื่อให้ครอบคลุมงบประมาณที่เราต้องใช้กันอีกในอนาคต
วางแผนมีลูกไหม
ยังครับ ผมเฉยๆ มีก็ดี แต่ยังไม่ได้รู้สึกว่าต้องมี ช่วงปีนี้ยังอยากจะทำงาน บวกกับบ้านที่ยังไม่เสร็จ อยากให้ลงตัวก่อน แล้วเดี๋ยวจะมีค่อยว่ากัน
(ช่วงมันนี่โค้ชโดนถามกลับเรื่องการมีลูก)
ตอนนั้นคิดว่าอยากมีลูกตั้งแต่แรกเลยไหม
พอแต่งไปสองปีก็มีลูก คิดไว้แต่แรกว่าอยากจะมี อยากมีสองคนใกล้ๆ กัน เพราะเราจะได้เลี้ยงไปพร้อมๆ กัน
เคยมีคนมาปรึกษาแล้วมุมมองต่อลูกไม่ค่อยดี คิดว่าลูกทำให้ชีวิตลำบาก ลูกเป็นภาระ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ฉะนั้นถ้าจะมี ต้องออกแบบวางแผนแต่แรก เพราะมันจะเจอเรื่องค่าใช้จ่ายแน่นอน และมุมมองต่อชีวิตคู่จะเปลี่ยน ความรักมันจะถูกถ่ายโอนไปที่ลูก กับคู่ชีวิตเรามีความรู้สึกอยากปกป้องระดับหนึ่งแล้ว แต่พอเป็นลูกความรู้สึกอยากปกป้องดูแลมันทวีคูณ
มีลูกคนหนึ่งใช้งบประมาณเยอะแค่ไหน
โดยส่วนตัวคิดว่าไม่เยอะ ตอนคลอดก็มีค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่งก็คิดว่าไม่ได้เยอะ เขาโตมามีค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูก็ไม่ได้เยอะ พอลูกเริ่มโตของผมสองคน 7 ขวบ กับ 9 ขวบ ตอนนี้ก็เริ่มทานอาหารได้เหมือนเรา ค่าอาหารการกินก็แค่ทำเพิ่มขึ้นมาให้อีกสองคนก็ไม่ได้เยอะ ที่หนักหน่อยก็อาจเป็นค่าเล่าเรียน ลูกผมไม่ได้เรียนแพงระดับอินเตอร์ ให้เรียนสองภาษา อาจจะแพงกว่าโรงเรียนปกติหน่อย แต่เราพอจะจัดสรรได้ มันแล้วแต่ว่าพ่อแม่ไหวแค่ไหน ก็วางแผนออกแบบให้ลูกเรียนตามความเหมาะสมและตามกำลังของพ่อแม่
ตอนเริ่มจะมีลูก การจัดการเงินเปลี่ยนไหม
อย่างตอนคลอดมันไม่ได้แพงมาก คนทำงานมีเงินเก็บก็บริหารจัดการได้อยู่แล้ว อย่างเรื่องเรียนพอลูกเราคลอดก็ไม่ต้องรอแล้ว เราต้องเก็บเงินให้ลูกไว้เรียนได้เลย คนที่มีปัญหาส่วนใหญ่มักไปเริ่มตอนลูกจะเรียนแล้ว
ลูกไม่ใช่ปัญหาหรือความทุกข์ สำหรับผม ลูกคือความสุข เค้าเรียกเราพ่อได้ เราก็มีความสุข เห็นลูกฮัมเพลง เราก็มีความสุข ลูกอยากเรียนกีตาร์กลับมาบ้านเค้าดีดกีตาร์ได้นิดหน่อย เราก็มีความสุข เพราะฉะนั้น คำว่ามีลูกหนึ่งคนจนไปเจ็ดปี มันเหมาะกับพ่อแม่ที่ไม่วางแผน
มีคนชอบบอกว่า พอมีลูกทำให้งานเราประสบความสำเร็จน้อยลง ลูกเป็นตัวกินความฝัน
ผมค้านเลย ผมว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้จริงๆ เค้าแบ่งเวลาได้ อย่างผมรอลูกเข้านอน นั่นคือเวลาทำงานต่อของเรา แล้วจริงๆ ลูกต่างหากคือแรงขับให้เรา เพราะลูกจะมองเราเป็นไอดอล เราอยากทำตัวให้ดี อยากประสบความสำเร็จ อยากเป็นคนที่คนอื่นรัก อย่างตอนนี้ลูกคนโตของผมจะทำยูทูบแข่งกับผมแล้ว จะตั้งชื่อว่า Money Kid (หัวเราะ)
สุดท้ายค่าใช้จ่ายเรื่องลูกเราจัดสรรดีไซน์ได้หมดเลย สิ่งที่แพงที่สุดคือเวลาของพ่อแม่ เพราะเราชอบไปเปรียบเทียบว่า เวลาออกไปทำงานก็หาเงินมาให้ลูกนะ ลูกจะได้เรียนหนังสือดีๆ ทิ้งลูกอยู่กับพี่เลี้ยง บางทีสิ่งที่เราไปยัดเยียดให้เขา เขาอาจจะไม่อยากได้ก็ได้ จริงๆ ลูกอาจแค่ต้องการให้เราอยู่ด้วยก็พอแล้ว การที่เราอยู่กับเขานั่งคุยกัน ไปเที่ยวกัน มันไม่ได้ใช้เงินเยอะเลย
เรามีอิสระในการออกแบบชีวิตและการใช้เวลา ให้เหมาะสมกับเรา ค่าใช้จ่ายที่ตามมามันวางแผนกันได้ ให้มองถึงวันข้างหน้าแบบเผื่อเหลือเผื่อขาด และสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคู่ คือเราได้เปิดเผย ได้คุยกัน และเห็นเป้าหมายในอนาคตร่วมกัน และค่อยๆ สร้างมันไปด้วยกัน
Credits
The Host จักรพงษ์ เมษพันธุ์
The Guest นครินทร์ วนกิจไพบูลย์
Show Creator จักรพงษ์ เมษพันธุ์
Episode Producer เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฎ วิวัฒนานนท์
Proofreader ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์
Music Westonemusic