เรากลับมาเยือนห้องอาหาร ‘TAAN (ทาน)’ เป็นครั้งที่สอง ซึ่งเมนูรอบนี้มีหลายอย่างเปลี่ยนไปมากพอสมควรเลย แต่นอกจากบรรยากาศมื้อค่ำที่สวยตะลึงเหมือนเดิม เราก็รู้สึกว่า เชฟเทพ-มนต์เทพ กมลศิลป์ ยังคงทำอาหารไทยอย่างตรงไปตรงมา ปรุงรสชาติเต็มปากเต็มคำ ทำให้แม้แต่คนไทยเองกินแล้วก็รู้สึกสนุก แปลกใหม่ และที่สำคัญคือน่าเอร็ดอร่อยด้วย
โดยรสชาติและวัตถุดิบเชฟยังคงใช้ความเป็นไทยนำเสมอ ใส่ความครีเอทีฟและทำให้วัตถุดิบน่าสนใจตาม นี่คือเอกลักษณ์หนึ่งของอาหารฝีมือเชฟเทพที่ทุกคนจะได้ชิม
โดยเมนูใหม่รอบนี้ เชฟบอกตั้งชื่อว่า ‘แปลกหน้า’ เพราะทุกจานเป็นอาหารที่พวกเราคุ้นเคย ทั้งชื่อและรสชาติ แต่นำมาเปลี่ยนหน้าตาใหม่ให้พร้อมต้อนรับแขก (หมายถึงนักท่องเที่ยวที่เริ่มเยอะขึ้นนั่นละ)
หลังจากเสิร์ฟของกินเล่น 3 คำ เชฟจะเริ่มพาเข้าสู่คอร์สแรกด้วย กุ้งมังกรแช่น้ําปลา ที่นำล็อบสเตอร์จากจังหวัดระยองไปหมักน้ำปลาจากสุโขทัย และท็อปด้วยคาเวียร์จากเชียงใหม่
เรายังจำปลาบู่ฝีมือเชฟที่ติดใจจากครั้งที่แล้วได้ รอบนี้เชฟเสิร์ฟปลาบู่เกล็ดสวยชิ้นโตกว่าเดิม มาพร้อม ยำถั่วพลู เพื่อโชว์ความกรอบในอาหารไทย
แล้วต่อด้วย ลาบไก่ย่างส้มตํา ที่ดูแปลกตา เพราะจัดมาบนถาดให้เรากินอย่างละนิดอย่างละหน่อยสลับกันเหมือนตอนไปร้านส้มตำ โดยถาดนี้มีส้มตำไหลบัว ไก่ย่างผิวเคลือบด้วยเครื่องลาบ มันอบ และข้าวเหนียวดำ
แปลกตาขึ้นกว่าเดิม เพราะที่เห็นคือเมนู ต้มข่าเย็น ที่มาในรูปแบบไอศกรีม กินพร้อมหอยกาบงวงช้าง มะพร้าวอ่อน หัวหอม มะเขือเทศ ก่อนต่อด้วยเมนู แกงเหลือง ที่เสิร์ฟในเวอร์ชันใหม่เช่นกัน เชฟจะใช้ปลาที่ได้มาประจำวัน เสิร์ฟพร้อมยอดมะพร้าว เพียวเรผัก เต้าหู้ฟู และซอสแกงเหลือง
โดยวันที่เราไปชิมได้เป็นปลาแมคเคอเรลเนื้อแน่นจากอ่าวไทย
ส่วนเมนู ต้มมะระ สไตล์โดยเชฟเทพจะแยกองค์ประกอบ เสิร์ฟต้มซี่โครงหมูปลาแห้งเห็ดหอมมาให้ซดคู่กับหมูยัดไส้มะระ
เราชอบเมนูต่อไปมาก ขนมลา ปลาเผา เพราะเชฟจะนำปลาช่อนเผาเกลือร้อนๆ มาเสิร์ฟให้ดูตรงหน้า และให้เรากินคู่กับขนมลา แหนมเห็ด ไม้กินดอก น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแป๊ะซะ และเกลือจากสมุทรสาคร
คนชอบกินปลาเผาอย่างเราจะเอ็นจอยกับเมนูนี้มากเป็นพิเศษ เพราะเนื้อปลาชุ่มฉ่ำกินคู่กับเกลือและน้ำจิ้มแล้วช่วยเสริมรสชาติให้กินอร่อยขึ้นน่าดู
หลังจากล้างปากด้วย ผัดไทย ที่มาในรูปของซอร์เบต์มะขามเปียก ซึ่งอันนี้กินแล้วแปลกใหม่และนึกถึงผัดไทยสตรีทฟู้ดไปพร้อมๆ กัน เชฟก็เสิร์ฟเมนคอร์สจานสุดท้าย เนื้อนครสวรรค์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบีฟเวลลิงตัน ทว่าเวอร์ชันไทยใช้ข้าวจี่แทนแป้งเพรสทรี
เชฟใช้เนื้อจากหนองคาย แต่เสิร์ฟคู่กับ แจ่วบอง ที่ใช้ปลาแห้งจากนครสวรรค์ นี่คือที่มาของชื่อ หลังจากนั้นกินพร้อมผักปวยเล้ง ซอสขมิ้น ผัดเห็ด และใบบัวบก
ปิดท้ายด้วยของหวานเมนู 5 มะม่วง ใช้มะม่วงนอกฤดูกาลมาทำ 5 แบบ คือ มะม่วงสด มะม่วงพาร์เฟต์ แยมมะม่วง เยลลี่มะม่วง หม้อแกงมะม่วง และกินคู่กับข้าวเหนียวดำตุอีล เป็นอีกเวอร์ชันของข้าวเหนียวมะม่วงที่หลายคนน่าจะชอบ
You may also like: Kavee, Saawaan, Baan Phraya
TAAN Bangkok
Open: วันอังคาร-เสาร์ เวลา 18.00-23.00 น.
Address: ชั้น 25 โรงแรม Siam@Siam
Contact: 09 4550 1305
Budget: 10 คอร์ส ราคา 3,190++ บาท
Map: https://goo.gl/maps/XLoCjV1WoKXh1hk1A