วันนี้ (13 ธันวาคม) รัฐสภานิวซีแลนด์ได้ผ่านร่างกฎหมายยาสูบฉบับใหม่ในการพิจารณาวาระที่สาม (Third Reading) ซึ่งออกข้อกำหนดที่ห้ามไม่ให้ผู้ที่เกิดในวันที่ 1 มกราคม 2009 หรือหลังจากนั้นสามารถซื้อบุหรี่ได้
หนังสือพิมพ์ The Guardian รายงานว่า นิวซีแลนด์จ่อก้าวขึ้นเป็นประเทศแรกของโลกที่ออกกฎหมายดังกล่าวมาเพื่อแบนไม่ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่หันมาเริ่มสูบบุหรี่ โดยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2023 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายนิวซีแลนด์ที่หวังเป็นประเทศปลอดบุหรี่ภายในปี 2025
ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างกฎหมาย Smokefree Environments and Regulated Products (Smoked Tobacco) Amendment Bill มีอยู่ 3 ประการด้วยกัน คือนอกเหนือจากการห้ามไม่ให้ผู้ที่เกิดวันที่ 1 มกราคม 2009 หรือหลังจากนั้นสามารถซื้อบุหรี่ได้แล้ว ยังกำหนดให้ลดปริมาณนิโคตินในบุหรี่ลงอย่างมาก และบังคับให้วางจำหน่ายได้เฉพาะในร้านขายยาสูบเท่านั้น จากเดิมที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปและซูเปอร์มาร์เก็ต โดยร้านค้าที่สามารถจำหน่ายบุหรี่ได้ทั่วประเทศจะลดลงจากเดิม 10 เท่า หรือเหลือที่ไม่เกิน 600 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีหน้า จากปัจจุบันที่ราว 6,000 แห่ง
อายีชา เวอร์เรลล์ (Ayesha Verrall) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “คนหลายพันคนจะมีอายุยืนยาวขึ้นและสุขภาพแข็งแรงขึ้น ขณะที่ระบบสุขภาพจะประหยัดเงินได้ถึง 5 พันล้านดอลลาร์จากการที่ไม่ต้องรักษาโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เช่น มะเร็งหลายชนิด ภาวะหัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบ และการตัดอวัยวะ
“เราต้องการสร้างหลักประกันว่าคนหนุ่มสาวจะไม่เริ่มสูบบุหรี่ ดังนั้นเราจะออกกฎหมายให้การขายหรือจัดหาผลิตภัณฑ์ยาสูบให้กับกลุ่มเยาวชนถือเป็นความผิด ผู้ที่มีอายุ 14 ปี (เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้) จะไม่สามารถซื้อยาสูบได้อย่างถูกกฎหมาย” เวอร์เรลล์กล่าว “อัตราการสูบบุหรี่กำลังลดลง เป้าหมายของการเป็นประเทศปลอดบุหรี่ภายในปี 2025 นั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม”
อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่ไม่ได้สั่งห้ามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าชาวนิวซีแลนด์หลายคนได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการสูบบุหรี่ปกติมาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดดังกล่าว โดยข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายนระบุว่า จำนวนผู้ที่สูบบุหรี่ปกติเป็นประจำทุกวันลดลงแตะที่ 8% จากระดับ 9.4% เมื่อปี 2021 ขณะที่ตัวเลขของผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำอยู่ที่ 8.3% เพิ่มขึ้นจากระดับของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 6.2%
แฟ้มภาพ: MeskPhotography Via Shutterstock
อ้างอิง: